Page 115 - ธาดา ยิบอินซอย
P. 115

ทำาอย่างไรหนอจึงจะสร้างความอยากรู้ สร้างความ

                        กล้าไปหาความรู้ ความกล้าที่จะรับฟัง รับอ่าน

                           ทั้ง ‘pros’ และ ‘cons’ ของการรักษา

                   (คือศึกษาข้อมูลที่ค้านและสนับสนุน) เพื่อไปปรับรักษา

                                      ผู้ป่วยรายใดรายหนึ่ง






                     5. ก�รไปดูง�นหรอไปประชุมวิช�ก�รเหล�นี้จำ�เป็นที่ต้องได้รับคว�มร่วมมือจ�ก
                                    ื
                                                       ่
               ต้นสังกัดม�กน้อยเท�ใด ต้องสมน�คุณร�ยได้ท่เสียจ�กก�รต้องปิดร�นเพ่อไปประชุมหรือเปล�
                                                                  ้
                               ่
                                                   ี
                                                                                     ่
                                                                      ื
                     6. พวกท่�นที่ไป “ร่วมประชุม สัมมน�” ส่วนม�กเลือกประชุมสัมมน�เพียงแต่วิช�
               ที่ตนเองชำ�น�ญ  หรือเพื่อเพิ่มคว�มชำ�น�ญ  หรือในบ�งช่วงจะเลือกไปฟังหัวข้ออื่นที่ท�น
                                                                                    ่
                         ่
               มีคว�มเห็นว�น่�สนใจ  หรือ  ผสมผส�นหล�ยๆ  อย่�ง  เมื่อไปประชุมแล้วหนบ่อยไหม
                                                                               ี
               พย�ย�มห�โอก�สย่อและเผยแพร่วิช�ก�รที่ตนเองสนใจที่ได้ม�จ�กที่ประชุมหรือเปล�
                                                                                     ่
               พย�ย�มห�โอก�สพูดคุยกับผู้ร่วมประชุมในหัวเรื่องที่ประชุมหรือเปล่�?
                     ผู้ที่สร้�งสื่อสำ�หรับ CME : ท่�นทำ�เพื่ออะไร ? : เพร�ะคิดว่�สำ�คัญ และคิดว่�
               ข�ดคนสร้�ง หรือเพร�ะถูกแต่งตั้งให้ทำ� หรือเพร�ะจะได้ผลง�นท�งวิช�ก�ร หรือ เพร�ะ
               สนุกกับก�รเรียนก�รสอนชนิดนี้ ผมสนุกกับก�ร “ให้” CME เพร�ะกระตุ้นให้ผมหัดใช้สื่อ

               ที่เหม�ะสม  เพร�ะทำ�ให้ผมได้มีโอก�สใช้สื่อต่�งรูปแบบเพื่อกระตุ้นคว�มสนใจของผู้อื่น
               แต่ในที่สุดก็เศร้�เมื่อม�ตรึกตรองผลที่ได้ของผู้ม� “เรียน” รู้สึกเข�ไม่ได้อะไรที่ผมอย�กให้
               เข�ได้ ผมอย�กให้เข�ได้คว�มรู้ชนิดหนึ่งแต่เข�อย�กได้คว�มรู้ที่ “เอ�ไปใช้ได้เลย” เช่น

               ขอสูตร ขอ dose ของย� น้อยม�กที่จะถ�มว่� “ทำ�ไม” “พื้นฐ�นเป็นอย่�งไร” “รักษ�
               แล้วได้อะไร” “กี่คนต่อพันคนต่อปี” ฯลฯ
                     ทำ�อย่�งไรหนอจึงจะสร้�งคว�มอย�กรู้ สร้�งคว�มกล้�ไปห�คว�มรู้ คว�มกล้�ที่จะ
               รับฟัง รับอ่�น ทั้ง ‘pros’ และ ‘cons’ ของก�รรักษ� (คือศึกษ�ข้อมูลที่ค้�นและสนับสนุน)
               เพื่อไปปรับรักษ�ผู้ป่วยร�ยใดร�ยหนึ่ง  คิดว่�  re-accreditation  อ�จช่วยแต่ได้เพียง

                                                                                ่
                     ึ่
               ส่วนหนง พวกเร� “ครูๆ” ทงหล�ยลองม�ช่วยกันคิดดีไหม เพร�ะบทคว�มนบอกว� CME
                                     ั้
                                                                           ี้
               เริ่มตั้งแต่อ�ยุน้อย







                                                  114

                                             ครูแพทย์ผู้ประเสริฐ
   110   111   112   113   114   115   116   117   118   119   120