Page 33 - ว่าวมลายู
P. 33
26
6.3.3 สร้างความกลมกลืนด้วยขนาด (Harmony of Size) โดยใช้ขนาด
ของรูปร่างที่ใกล้เคียงกัน ไม่แตกต่างกัน
6.3.4 สร้างความกลมกลืนด้วยสี (Harmony of Colors) โดยใช้สีลักษณะ
พื้นผิวที่หยาบและละเอียดไม่แตกต่างกันมาก
6.3.5 สร้างความกลมกลืนด้วยแสง-เงา (Harmony of Light and
Shadow) โดยใช้ค่า (Value) ของน้ าหนักแสงจัดที่สุดถึงเงามือที่สุดที่มีความประสานกลมกลืน ตาม
The Value Scale
7. ความตัดกัน (Contrast)
ในงานศิลปะแต่ละชื้น ควรมีการจัดองค์ประกอบของศิลปะให้กลมกลืนเป็นส่วน
ใหญ่ และให้มีความตัดกันในส่วนน้อย เพราะความตัดกันนี้จะช่วยให้เกิดความเด่นและช่วยให้งาน
ศิลปะนั้นแลดูมีจุดสนใจยิ่งขึ้น
7.1 ความหมายของการตัดกัน
การตัดกัน (Contrast) คือ การตัดหรือขัดแย้งของเส้น สี ช่องว่าง พื้นผิว แสง
และเงา ความตัดกันจะต้องมีความประสานสัมพนธ์กับความกลมกลืน (วิรัตน์ พชยไพบูลย์, 2524 :
ิ
ั
49)
การตัดกัน (Contrast) ในทางทัศนศิลป์ คือการประกอบกันของทัศนธาตุ (Art
Elements) ต่างๆ ที่ขัดแย้งหรือตัดกัน ทั้งนี้จะต้องประสานสัมพันธ์กับความกลมกลืนด้วย
7.2 ประเภทของความตัดกันทางทัศนศิลป์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
7.2.1 ความตัดกันด้วยส่วนประกอบของทัศนธาตุ ไดแก่ ความตัดกันของ
เส้น รูปร่าง รูปทรง แสง-เงา ที่ว่าง สีและพื้นผิว
7.2.2 ความตัดกันหรือความขัดแย้งกันตามธรรมชาติ ได้แก่ ความตัดกันซึ่ง
เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ในคน พช สัตว์ ฯลฯ เช่น ความตัดกันของสีของดอกไม้ สร้างความเด่นและ
ื
ความสวยงาม ให้เกิดแก่ต้นไม้นั้นได้
8. เอกภาพ (Unity)
งานศิลปะที่มีความเป็นเอกภาพสามารถแสดงออกถึงสิ่งที่ต้องการแสดงออกได้อย่าง
ตรงไปตรงมาถือว่าเป็นงานศิลปะที่ดียิ่ง ความมีเอกภาพในงานศิลปกรรมถือว่ามีความส าคัญที่สุด ท า
ให้เกิดคุณค่าทางสุนทรียภาพซึ่งเป็นเป้าหมายที่ต้องการของศิลปินผู้สร้างงาน
8.1 ความหมายของเอกภาพ
เอกภาพ คือ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เกิดขึ้นจากการประกอบกันของทัศน
ธาตุต่างๆ อย่างประสานกลมกลืนกัน และก่อให้เกิดคุณค่าทางสุนทรียภาพ (วุฒิ วัฒนสิน, 2539 :
176)