Page 88 - ธาดา ยิบอินซอย
P. 88
ที่พย�ย�มเล่�สถ�นก�รณ์ต่�ง ๆ นี้ก็เพื่อชี้ให้ท่�นเห็นว่�ผลสำ�เร็จหรือไม่สำ�เร็จของ
lecture มีหล�ยปัจจัย ทำ�ให้ต้องระวังเมื่อประณ�ม lecture ว่� เป็นวิธีสอนที่ผิด คิดว่�
lecture ควรจะเป็นส่วนหนึ่ง (ไม่ใช่ส่วนเดียว) ของก�รเรียนก�รสอน เช่นเดียวกัน ก�ร
เรียนจ�กเพื่อน จ�กรุ่นพี่ จ�กอ�จ�รย์ ก็เป็นส่วนหนึ่งของก�รเรียน
ขอแนะว่� วิธี lecture นั้น ควรขึ้นกับสิ่งเหล่�นี้
1. Background ของผู้ม�ฟัง ถ้�เป็นหัวข้อใหม่ หรือที่เข�ไม่รู้เลย ต้องพย�ย�ม
ทำ�ให้ “ง่�ย” ไปช้� ๆ มี “ก�ร์ตูน” ม�ก ๆ แต่ในกรณีที่ผู้ฟังรู้เรื่องแล้ว อ�จพย�ย�ม
lecture โดยให้เข�เอ�เร�เป็น resource person (คือ ให้ผู้ฟังส�ม�รถอภิปร�ยและถ�ม)
2. ต้องตรงต่อเวล� ทั้งในก�รเริ่มและในก�รหยุด คือ เตรียมพูดให้เสร็จก่อนเวล�
3. เรียนรู้ หรือ “ได้” อะไรจ�ก lecture ที่ผมเป็นคนให้ ถือว่�สำ�คัญม�ก อ�จ
ู้
จะได้จ�กคำ�ถ�ม หรือจ�กอภิปร�ยของผอน หรือในกรณีของนักศึกษ�แพทย์ก็จะได้จ�กก�ร
ื่
ที่ผมต้องไปอ่�นเพิ่มในก�รเตรียม หรือจ�กก�รที่ต้องสอดแทรกคำ�ถ�มเพื่อให้ก�รสอนนั้น
้
สนุกขึ้น บ่อยครั้งถ�ต้องพูดหัวข้อเดียวกันซ้ำ� ๆ ผมจะกระตุ้นตัวเองไม่ให้เบื่อ โดยว�ง
เป้�หม�ยของ lecture ไม่ให้เหมือนกันทุกครั้ง และ lecture เพื่อให้นักศึกษ�แพทย์สนใจ
ที่จะไปอ่�นเพิ่มเติม
4. ส่วนเครื่องช่วยในก�ร lecture ผมคิดว่�ขึ้นกับคว�มส�ม�รถเฉพ�ะตัว ผมชอบ
ใช้แผ่นใส + slide + VDO เพื่อให้แน่ใจว่�พูดทุกสิ่งที่เตรียมไว้ แต่ก็เห็นบ�งท่�นพูดได้
เลิศโดยใช้แต่คำ�พูดและอิริย�บถประกอบ
สรุป ที่คิดว่� lecture ไม่มีประโยชน์กับนักศึกษ�นั้น อ�จเป็นก�รตัดสินที่มี bias
(คือ ไม่มีก�รศึกษ�อย่�งแท้จริง) เร�เองก็ยังไปฟัง lecture อยู่ และก็ได้คว�มรู้ เป็นไป
ได้หรือเปล่�ว่� จุดที่ต้องเสริมในเรื่องนี้อ�จอยู่ที่ก�รเตรียมตัวของผู้ให้ lecture และผู้ฟัง
lecture
87
ศาสตราจารย์นายแพทย์ธาดา ยิบอินซอย