Page 85 - ธาดา ยิบอินซอย
P. 85

ผมอยากเสริม 2 วิชา ซึ่งแต่ละอัน

                                  อาจผสมผสานวิชาย่อยอื่น

                     ...communicative skill และ research skill...






                               ่
                     ต้องยอมรับว�ในก�รปรับปรุงหลักสูตรนี้อ�จต้องลดคว�มเข้มขนของบ�งวิช�  อ�จ
                                                                      ้
                                                            ิ
                                          ึ
                                                                  ื่
                                                     ู่
                                        ั
                                                                     ้
               ย้�ยบ�งหัวข้อวิช�ไปเรียนเมอนกศกษ�แพทย์อยภ�คคลินกหรือเมอตองก�รคว�มเชยวช�ญ
                                     ื่
                                                                                ี่
               เพิ่ม บ�งวิช�ต้องถูก highly integrated (vertical หรือ horizontal หรือทั้งสอง)
                     ผมอย�กเสริม 2 วิช� ซึ่งแต่ละอันอ�จผสมผส�นวิช�ย่อยอื่น อันแรก จะขอเรียกว่�
               “communicative skill” คือ ทักษะในก�รใช้ภ�ษ� (ไทยและอังกฤษ) ในก�รฟัง ในก�ร
                                                    ่
                                         ่
                                                             ั้
                                                               ี่
               ซักถ�ม ในก�รเขียน และในก�รอ�น เพร�ะคิดว�แพทย (ทงทให้บริก�รและไม่ให้) บกพร่อง
                                                          ์
               ในด้�นนี้ม�ก ทำ�ให้แพทย์ไม่พย�ย�มเข้�ใจผู้ป่วยหรือญ�ติหรือเพื่อนแพทย์หรือผู้ร่วมง�น
               เร�อ่�นและเขียนไม่ถูกหลัก ทำ�ให้ก�รเรียนและก�รพัฒน�ของเร� “สุรุ่ยสุร่�ย” คือไม่ดีเท่�
                                                       ี่
                                                                                ่
                                               ี่
                                                        ื
                                                                   ่
               ทควร เร�เผอิญไปคิดว� “facts” สำ�คัญทสุด โดยทลมเตือนตัวเองว�ถ้�ไม่ส�ม�รถถ�ยทอด
                 ี่
                                 ่
               “facts”  เพื่อเอ�ไปใช้หรือให้ผู้อื่น  facts  นั้นก็เหมือนถูกฝังชนิดไม่ฟื้น  ทักษะในก�รสื่อ
               (communicative skill) ควรผสมผส�นหล�ยวิช� เช่น อ�จรวมก�รสัมภ�ษณ์ในหัวเรื่อง
               จริยธรรม, ศ�สน�, กฎหม�ยท�งก�รแพทย์, ปัญห�ส�ธ�รณสุข (เพื่อสอนให้นักศึกษ�หัด
               ฟังคว�มเห็นผู้อื่นและหัดพูด) อีกวิช�ก็จะขอเรียกว่� “research skill” (อ�จมีคำ�ที่ท่�น
                                                                    ี้
               คิดว�เหม�ะสมกว�หลังจ�กอ�นทผมพย�ย�มอธิบ�ยแล้ว) ในวิช�นนักศึกษ�แพทย์ควรรจัก
                   ่
                                      ่
                             ่
                                                                                    ู้
                                         ี่
               อ่�นร�ยง�นท�งวิช�ก�ร ควรเรมทำ�วิจัยเพอเอ�ข้อมูลของโครงก�รเป็นตัวกระตน ให้อย�ก
                                                                             ุ้
                                                 ื่
                                        ิ่
               หัดใช้คอมพิวเตอร์ เพร�ะสำ�นึกว่�มันช่วย และในทำ�นองเดียวกัน หัดใช้สถิติ สรุปแล้วก�ร
                                                                     ู้
                                                                 ู้
               ทำ�วิจัยของนักศึกษ�แพทย์จะเป็นก�รบังคับในท�งอ้อมให้อย�กรและรจักใช้คอมพิวเตอร์และ
               สถิติ ก�รเรียน 2 วิช�นี้ควรเป็นไปอย่�งต่อเนื่อง โดยที่คว�มรู้เกี่ยวกับโรคจะมีสัดส่วนม�ก
               ขึ้นในปีท้�ยๆ ก�รเสริมแทรก 2 วิช�นี้ต้องอ�ศัยคว�มร่วมมือจ�กหล�ยคณะและต้องมีก�ร
               ปรับปรุงอย่�งต่อเนื่อง
                     ในด้�นวิช�อื่นๆ คิดว่� molecular biology จะต้องมีส่วนสำ�คัญม�กขึ้น anotomy,
               physiology และ pathology น่�ให้เป็นส่วนหนึ่งของ integrative learning และให้ลด
               เหลือเท่�ที่จำ�เป็น (ใครตัดสินว่�เท่�ไหร่จึงจะจำ�เป็น) โดยเสริมบ�งส่วนใน clinical years
               เมื่อนักศึกษ�มีประสบก�รณ์เกี่ยวกับโรคม�กขึ้นหรือไปเสริมขณะ training

                                                   84

                                             ครูแพทย์ผู้ประเสริฐ
   80   81   82   83   84   85   86   87   88   89   90