Page 82 - ธาดา ยิบอินซอย
P. 82

Self-directed Learning (SDL)

                  สารแพทยศาสตรศึกษา ม.อ. ปีที่ 1 ฉบับที่ 4 เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2537



                                                                        ู้
                                                                                   ิ่
                                                                                     ี้
                                                               ่
                                                       ั้
                                  ี้
                                                           ้
                        นิย�มหัวข้อนลำ�บ�กเพร�ะคว�มหม�ยนนกว�งกว�ก�รเรียนรด้วยตนเอง สงนไม่ใช ่
                  สิ่งใหม่ แต่จุดหรือเป้�หม�ยปล�ยท�ง (ultimate aim) อ�จใหม่ พวกเร�ทุกคนเรียนรู้ด้วย
                  ตัวเองเพื่อสอบให้ผ่�น เร�ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกันเมื่อเร�เริ่มศึกษ�ง�นใหม่หรือโครงก�รใหม่
                                                                           ์
                  แต่ในก�รกระทำ�นี้เร�  “รู้”  จุดปล�ยท�ง  ในกรณีของนักศึกษ�แพทย  ก�รเรียนเพื่อได
                                                                                         ้
                  “พ.บ.” เท่�นั้นคงผิด เร�คิดว่�เป้�หม�ยควรเป็น “life-long learning” ซึ่งนักศึกษ�คง
                             ้
                  ไม่ส�ม�รถเข�ใจได้อย�งลึกซึ้ง  (comprehend)  แต่ก็เป็นไปได้ว�ผมกำ�ลังจะทำ�ให้เรื่อง
                                    ่
                                                                       ่
                  สับสน (spilt hairs) โดยที่ไม่จำ�เป็น
                                                                            ื่
                        อย�กแยก SDL ให้เป็น 2 ชนิด ชนิดแรกคือก�รเรียนรด้วยตนเองเพอบรรลุม�ตรฐ�น
                                                                  ู้
                  อันใดอันหนึ่งโดยพึ่งสื่อชนิด interactive (sound slide, CAI, VDO, checklist) แทน
                  ใช้คร  อีกชนิดก็คือก�รเรียนรู้ด้วยตนเองหลังจ�กที่ได้แจงปัญห�  (ซึ่งคงอยู่ในกลุ่มที่เรียก
                      ู
                  กันว่� problem-based learning หรือ integrative learning) โดยที่ต้องพย�ย�มเข้�ใจ
                  ว่�ก�รแจงปัญห�หลักของแต่ละกลุ่มอ�จเหมือนกัน เช่น “อะไรคือมะเร็ง” แต่ปัญห�ย่อย
                                                     ี่
                                                                                  ิ่
                  อ�จไม่เหมือน เช่น บ�งท�นอ�จอย�กรลึกเกยวกับ “ระบ�ดวิทย�ของโรค” หรือ “สงกระตน
                                                                                        ุ้
                                      ่
                                                ู้
                  ให้เกิดก�รแบ่งตัวที่เร็วเกินไป” หรือ “early detection”
                        สถ�นก�รณ์ที่จะเรียนรู้ด้วยตนเองเพื่อให้บรรลุม�ตรฐ�นก็คือ  ก�รทบทวนหัวข้อ
                  วิช�ที่คิดว่�รู้แล้ว (Reinforcement) หรือ เป็นก�รศึกษ�วิช�ใหม่ ซึ่งก็ไม่ผิดกับก�รอ่�น
                  หนังสือ แต่ก�รผลักดันให้มี “interaction” ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ครูส�ม�รถใช้สื่อนี้เจ�ะจงหรือ
                  focus วิช� นั้น ๆ วิธีนี้ดี เพร�ะนักศึกษ�แต่ละคนส�ม�รถเรียนต�ม pace หรือต�มคว�ม



                                                   81

                                    ศาสตราจารย์นายแพทย์ธาดา ยิบอินซอย
   77   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87