Page 102 - ธาดา ยิบอินซอย
P. 102

ความพร้อมของอาจารย์แพทย์ที่ต้องเป็น


                  เลิศในการสอน บริการ บริหาร และทำาวิจัย


                  สารแพทยศาสตรศึกษา ม.อ. ปีที่ 4 ฉบับที่ 2 เดือนกเมษายน - มิถุนายน 2540




                                               ึ
                                                     ่
                                            ็
                              ่
                                    ่
                        หล�ยท�นพออ�นหัวข้อกคงนกในใจว� เอ�เรองเก�ม�เขียนอีก ต้องก�รเทวด� (ซง ึ่
                                                               ่
                                                           ื่
                              ้
                           ื่
                                ่
                                                           ิ่
                                                             ี้
                                   ี่
                  ไม่มี) แต่เมอไดเท�ทเป็นไปได้ก็ตอบแทนเช่นท�ส สงนไม่ใช่จุดประสงค์ของบทคว�มนี้ แต ่
                  จะพย�ย�มแจง conundrum ต่�ง ๆ เพื่อให้เร�เห็นว่�หล�ยอย่�งเกิดขึ้นเพร�ะเร� “ทำ�”
                  แล้วลืมคิด ปัญห�ที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนแพทย์ขณะนี้ก็คือ เร�ต้องก�รให้โรงเรียนแพทย์เลิศ
                  ท�งวิช�ก�ร เร�ต้องก�รสร้�งนักศึกษ�ที่มี holistic behavior คือให้มีคว�มรู้และคว�ม
                  ประพฤติทั้งด้�น art และ science เร�ต้องก�รโฆษณ�ก�รบริก�รชนิดที่ใช้เวล�น้อยที่สุด
                  ของผู้ให้บริก�ร เร�โฆษณ�ก�รฝึกฝน post-grad แต่จริงแล้วต้องก�รผู้ทำ�ง�นที่ไม่กล้�บ่น
                  เร�ต้องก�รเป็นเบอร์หนงของโรงเรียนแพทย ทงหมดนเร�แฝงภ�ยใต้โรงเรียนแพทย์เพอฝึก
                                                                                     ื่
                                     ึ่
                                                            ี้
                                                      ั้
                                                    ์
                  แพทย์ เพื่อบริก�รให้ประช�ชน รัฐบ�ลก็เชื่อ เพร�ะเร�เขียนเก่ง เถียงเก่ง
                        โรงเรียนแพทย์เรมด้วยก�รรับแพทย์จบใหม่ม�เป็นอ�จ�รย์แพทย เพร�ะเข�เก่งขณะ
                                     ิ่
                                                                          ์
                  เป็นนักศึกษ� เพร�ะสอบ board ผ่�น โรงเรียนแพทย์ก็หวังว่�เข�คงสอนเก่งและรู้จักวิธีสอน
                           ี
                                                                ้
                                                             ื่
                                                                     ้
                                                                              ่
                                ี
                               ิ
                  ส่วนเข�ก็เรยนวธสอนจ�กอ�จ�รย์ที่ชอบให้แต่ข้อมูล เมอเข�ม�แลวคณะหวังว�อ�จ�รย์ใหม ่
                  จะฝึกฝนในทุกด้�นไม่ใช่เพียงซ้อมกับผู้ป่วย ส่วนเข�คิดว่�จบแล้วไม่ต้องพัฒน�อีก จะทำ�
                  อะไรก็ได้ โรงเรียนแพทย์แนะให้ทำ�วิจัยเข�ก็ตอบว่� “ทำ�อย่�งไร” พอน�นเข้�ทั้งสองฝ่�ย
                  ไม่พอใจ ก�รเรียนก�รสอนและก�รตรวจคุณภ�พของข้อสอบกล�ยเป็นเรื่องเล็ก หรือเป็น
                  ชนิด “ใครว่�ง”/ “หนีทันไหม” ก�รบริก�รเป็นชนิด “เมื่อสะดวก” ทำ�วิจัยเพื่อหวังผลท�ง
                  วิช�ก�รไม่ใช่เพร�ะเป็นสิ่งซึ่งสนใจ ก�รบริห�รนั้นทำ�เพร�ะอะไร ? แต่คงไม่มีระบบใดที่ฝึก
                  คน 10 ปี ในด้�นบริก�รและวิช�ก�ร แล้วให้ม�บริห�รโดยสอนและฝึกตนเอง โรงเรียน
                  แพทย์อยู่ไดกเพร�ะคนกลุ่มน้อยที่  “ตื้อตลอด”  ที่เขียนนี้เป็นเพียง  generalization  ไม่
                             ็
                            ้
                  ต้องก�รโทษหรือดูหมิ่นท่�นใดท่�นหนึ่ง แต่อย�กให้เห็นผลของก�รที่ปล่อยให้สังคมพัฒน�
                  โดย evolution ในเมื่อธรรมช�ติหรือทัศนคติของสังคมนั้นคือคว�มอยู่รอด (self-perser-
                                                                ์
                  vation)  หรือก�รอยู่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว  จดประสงคหลักของโรงเรียนแพทย์ของผม
                                                         ุ
                  ขณะนี้คือ undergrad training คือสอนหรือกระตุ้นให้นักศึกษ�แพทย์เรียนจบโดยที่บ่อย
                  ครั้งเข�เองไม่รู้จุดประสงค์ของก�รเรียน  บ่อยครั้งสิ่งที่เรียนรู้ไม่น่�สนใจ  หลังสอบแล้วคว�มรู้
                                                                         ี่
                                                                       ู้
                             ื่
                  สล�ยหมด เมอจบแล้วก็เผชิญหน�ทอันหล�กหล�ยม�กทำ�ให้คว�มรทเอ�ไปใช้ได้เป็นเพียง
                                            ้
                                              ี่
                                                  101

                                    ศาสตราจารย์นายแพทย์ธาดา ยิบอินซอย
   97   98   99   100   101   102   103   104   105   106   107