Page 15 - การสืบทอดและการดํารงอยู่ของโนราโรงครูวัดท่าแค ตําบลท่าแค อําเภอเมือง จังหวัดพัทลุง
P. 15
วารสารวิชาการและวิจัย มทร.พระนคร สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2562
ปัจจุบันนอกจากการท�าหน้าที่เป็นโนราเจ้าพิธีในประเพณีโนราโรงครูวัดท่าแคแล้ว เกรียงเดชยังท�าหน้าที่
สื่อสาร สืบทอด ด�ารงรักษา และถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของภาคใต้อย่างโนราสู่เยาวชนรุ่นหลัง โดยการ
ื
่
ี
ี
�
เปิดสอนและถ่ายทอดศิลปะการราโนราแก่เยาวชนในพ้นท ณ วัดท่าแค อีกด้วย ตามท ชวน เพชรแก้ว (2540,
่
ึ
ึ
ี
น. 146) ได้กล่าวไว้ว่า การท่ลูกหลานของชาวบ้านหรือศิลปิน ซ่งได้ผ่านระบบการศึกษามาระดับหน่ง ล้วนแต่ได้ปรับ
ิ
ั
ั
ตัวเข้าสู่ระบบสังคมใหม่แล้วท้งส้น จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เขาเหล่าน้นแปลกแยกจากสังคมเดิม จากคุณค่าและ
มรดกทางวัฒนธรรมไปแล้วอย่างมาก ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกหลานเยาวชนรุ่นหลังได้ซึมซับคุณค่าและมรดกทางวัฒนธรรม
ิ
รวมถึงยังคงเป็นการรักษาและส่งต่อศิลปวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่นอีกด้วย เพราะแม้ทุกส่งในโลกต่างเปล่ยนแปลง
ี
ไปตามกาลเวลา ตามยุคสมัย ตามความเจริญก้าวหน้า ซึ่งเราไม่อาจควบคุมหรือปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ได้ แต่เราก็สามารถ
ื
ี
ท่จะเรียนรู้เพ่อท่จะยอมรับการเปล่ยนแปลงท่เกิดข้น เพ่อเป็นส่วนหน่งในการช่วยสืบทอดและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม
ี
ึ
ื
ี
ี
ึ
ท้องถ่นอันงดงามให้คงอยู่ต่อไป อย่างถูกต้องตามขนบธรรมเนียม พิธีกรรมด้งเดิมและสอดคล้องเหมาะสมกับวิถีชีวิต
ั
ิ
ในปัจจุบันและอนาคตที่จะเกิดขึ้น ในประเด็นนี้ถือเป็นแนวทางหนึ่งในการสืบทอดโดยเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้
�
ศิลปวัฒนธรรมการราโนราสู่เยาวชนรุ่นหลัง ให้เยาวชนได้มีการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมอันงดงามและมีการคุณค่า
รวมถึงสามารถร�าโนราเพื่อแสดงในงานต่าง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับ สุธีรา อะทะวงษา (2560, น. 146) ได้ศึกษาแนวทาง
�
ี
�
ื
การสืบทอดวัฒนธรรมการฟ้อนสาวไหมสู่ กลุ่มคน 3 วัย ของชุมชนพ้นท่เทศบาลตาบลสิริเวียงชัย อาเภอเวียงชัย
็
ี
ู
ั
จงหวดเชยงราย พบว่ามการฝึกอบรมให้เดกและเยาวชน เป็นการถ่ายทอดภมปัญญาการฟ้อนสาวไหมให้แก่คน
ิ
ี
ั
รุ่นหลัง และสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้นาการฟ้อนสาวไหมไปแสดงในงานต่าง ๆ เป็นการสร้างช่อเสียง
ื
�
สร้างรายได้ และเผยแพร่วัฒนธรรมการฟ้อนสาวไหมให้ยังคงอยู่คู่กับชุมชนต่อไป นอกจากน การสืบทอดและ
้
ี
การด�ารงรักษาโดยการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในพื้นที่
ิ
การมีสถาบันการศึกษาเข้ามาร่วมสืบทอดการแสดงหนังตะลุงในรูปแบบของ ชมรม “สืบศิลป์ ถ่นใต้”
ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ซึ่งหากมองในมิติการสืบทอดจะเห็นได้ว่า สถาบันการศึกษาเป็นกลไกส�าคัญ
ื
ท่มีบทบาทต่อกระบวนการสืบทอดการแสดงหนังตะลุงในการนามาเป็นส่อการเรียนให้กับนักศึกษาแล้ว
ี
�
ขณะเดียวกันก็เป็นการอนุรักษ์และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไปด้วยในตัว ซ่งอาจเรียกได้ว่า สถาบันการศึกษาได้
ึ
ท�าหน้าที่ทั้งใช้และพัฒนาตัวสื่อไปด้วยเช่นเดียวกัน
�
ื
่
ี
ในขณะท ธราทิพย์ กันตะวงษ์ (2559, น. 2034) ก็ได้ทาการศึกษาเร่องการร�าโนราแทงเข้ในพิธีไหว้คร ู
�
โนราของวัดท่าแค จังหวัดพัทลุง พบว่า การร�าโนราแทงเข้เป็นการราอวดฝีมือและความสามารถของผู้แสดง อันเป็น
ิ
ึ
มรดกวัฒนธรรมท้องถ่นภาคใต้ซ่งถือเป็นพิธีกรรมส�าคัญของเช้อสายนักแสดงโนราทางภาคใต้ โดยให้วัดท่าแค
ื
ตาบลท่าแค อาเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เป็นศูนย์กลางของการทาพิธ โนราแทงเข้ประกอบไปด้วยผู้แสดง เคร อง
่
�
�
ื
�
ี
ี
่
ี
่
ี
แต่งกาย เคร่องดนตร บทร้อง การแต่งกาย โอกาสท ใช้ในการแสดง สถานท อุปกรณ์การแสดง โนราได้ม ี
ื
�
ี
ี
การเปล่ยนแปลงท่ เกิดข้นตามกระแสโลกแห่งเทคโนโลยีโดยเฉพาะ ทาให้ความนิยมในศิลปะการราโนราแทงเข้
�
ึ
ลดน้อยลงโดยเยาวชนได้หันไปสนใจกับความบันเทิงทันสมัยจนเกินขอบเขตก่อให้เกิดการเบ่ยงเบนไปจากวัฒนธรรม
ี
อันดีงามของสังคมไทย ดังนั้น เพื่อเป็นการสืบทอดและด�ารงอยู่ของโนราโรงครูวัดท่าแคอย่างยั่งยืน จึงมีหน่วยงาน
�
ให้ความสนใจเข้ามาในการดารงและรักษาไว้ซ่งศิลปวัฒนธรรมอันงดงาม เช่น สานักงานวัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง
ึ
�
14