Page 5 - ลายผ้าอัตลักษณ์ประจำจังหวัดยะลา ผ้าลายยะลารวมใจ (ยาลอจาโปรฮาตีกีตอ)
P. 5
-4-
ผ้าปาเต๊ะ หรือ ผ้ายาวอ หรือ บาติก
ผ้าบาติก หรือผ้าปาเต๊ะ เป็นคำเรียกผ้าชนิดที่มี การทำโดยใช้เทียนปิดส่วนที่ไม่ต้องการให้ติดสี และใช้
วิธีการแต้ม ระบาย หรือ ย้อมในส่วนที่ต้องการให้ติดสี ผ้าบาติกบางชิ้นอาจผ่านขั้นตอนการปิดเทียน แต้มสี
ระบายสี และ ย้อมสีนับสิบๆ ครั้ง คำว่า บาติก" (Batik) หรือ "ปาเต๊ะ (Batek) มาจากคำว่า Ba = ศิลปะ และ
Tik = จุด เดิมเป็นคำในภาษาชวา ใช้เรียกผ้าที่มีลวดลายเป็นจุด คำว่า "ติก" มีความหมายว่า เล็กน้อยหรือจุด
เล็ก ๆ มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า ตริติก หรือ ตาริติก ดังนั้น คำว่าบาติก จึงมีความหมายว่าเป็นงานศิลปะ
บนผ้าที่มีลวดลายเป็นจุดด่าง ๆ ผ้าชนิดนี้ภาษามลายูกลางเรียกว่า "ผ้ายาวา" ใช้เรียกผ้าปาเต๊ะที่นำเข้ามาจาก
ยาวาหรือชวา สมัยแรก ๆ ต่อมาเรียกว่า "ผ้าบาเต๊ะ" แต่ปัจจุบันเรียกว่า "ผ้าปาเต๊ะ" บางคนเรียกว่า "ปาเต๊ะ
ยาวอ" หรือ "บาติก" ทั้งนี้แหล่งกำเนิดของผ้าปาเต๊ะยังไม่เป็นที่ยุติ หลายคนเชื่อว่าเกิดขึ้นที่อนเดียก่อนแล้ว
ิ
ี
แพร่หลายเข้าไปในอนโดนีเซีย บ้างว่ามาจากอยิต์หรือเปอร์เซีย ผ้าปาเต๊ะของอนโดนีเซีย เริ่มจากสตรีในราช
ิ
ิ
สำนักของชวาภาคกลาง เขียนลวดลายบนผืนผ้า โดยวางไว้บนรางไม้ไผ่ เรียกว่า "กาวางัน (Gawangan)
ระยะแรก ผูกขาดโดยราชสำนักสุราการ์ตายอกยากาตา ถือเป็นงานศิลปะชั้นสูง เมื่อฮอลันดาเข้ามา
ครอบครองอนโดนีเซีย ได้นำเทคนิคการทำผ้าปาเต๊ะไปใช้ผลิตผ้าออกมาจำหน่าย ผ้าปาเต๊ะในระยะแรก มี ๒ สี
ิ
ั
คือ สีขาวและสีกรมท่า ซึ่งเป็นสีที่ได้จากต้นคราม ต่อมามีการพฒนาเทคนิคการผลิตโดยใช้เครื่องจักรและ
ุ
ุ
สีวิทยาศาสตร์ ครั้งเกิดการปฏิวัติอตสาหกรรมในยุโรปในพทธศตวรรษที่ ๒๕ ทำให้ผ้าปาเต๊ะมีสีสันหลากหลาย
มากขึ้นผลิตได้จำนวนมาก ใ ต้นทุนในการผลิตต่ำมีการส่งขายในดินแดนอุษาคเนย์ ส่งผลให้แพร่หลายตามเมือง
ท่าต่าง ๆ ตลอดจนจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้แพร่หลายในหมู่ประชาชนทั่วไป
กลายเป็นผ้าอีกชนิดหนึ่งในวิถีชีวิตของชาวมลายูมุสลิม ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากมาเลเซีย และ อินโดนีเซีย
ผ้าปาเต๊ะแบ่งตามการใช้งาน
๑) ผ้าปาเต๊ะปันยัง (JawaBeulet) เป็นผ้าปล่อยหรือคนทั่วโลกเรียกว่า "ผ้าพัน" ประกอบด้วย ตัวผ้า
และปาเต๊ะ กว้างประมาณ ๑๕๐ ดซนติเมตร x ๓๕ เชนติเมตร วัสดุที่ใช้ในการผลิต คือผ้าฝ้ายเนื้อละเอยด
ี
่
ส่วนใหญ่เป็นสีครีม น้ำตาล เขียวออน เขียวขี้ม้า หรือ สีเหลือง ส่วนลายในแต่ละผืนมีหลายผสมผสานกัน
ั
ที่พบมาก เช่น ลายดอกไม้ ลายสัตว์ ลายพรรณพฤกษาผสมกับลายเรขาคณิต นุ่งเป็นผ้าพนสำหรับหญิงตามแบบวัฒนธรรม
ของชาวมลายู และในโอกาสพิเศษ โดยเฉพาะงานนักขัตฤกษ์ วันสำคัญทางศาสนา เช่น วันฮารีรายอ งานแต่งงาน เป็นต้น
๒) ผ้าโสร่งป่าเต๊ะ (Serong) เป็นผ้านุ่ง ใช้เรียกผ้าป่าเต๊ะที่นำมาเย็บเป็นบ่างหรือเป็นถุง ใช้สำหรับเป็น
ิ
ผ้านุ่ง เรียกว่า “ผ้าปาเต๊ะ” ภาษามาลายูถิ่นเรียกว่า “ยาวอบือเละ” มีลักษณะพเศษ คือ มีปาเต๊ะที่มีลวดลาย
สีสันแปลกตาไปจากส่วนอนของผ้า เป็นผ้าที่พบมากที่สุด วัสดุ ที่ใช้ในการผลิต คือ ผ้าฝ้าย ไหมและแพร
ื่
แต่ส่วนใหญ่จะใช้ผ้าฝ้ายเนื้อละเอยด ในระยะแรกมี ๒ สีเท่านั้น คือ สีขาว และกรมท่า ซึ่งเป็น สีย้อมมาจาก
ี
ธรรมชาติ เมื่อมีการนำสีวิทยาศาสตร์เข้ามาขาย ช่างทอผ้าจึงหันมานิยมใช้เพราะง่ายต่อการย้อม ทำให้ มีสีสัน
ื้
สดใส่ ส่วนเทคนิคการผลิต ใช้การลงเทียนหรือขี้ผึ้งบนผืนผ้า ตรงพนที่ที่ไม่ต้องการให้เกิดสีแล้วนำไปย้อมสี
จากนั้นนำมาต้มเอาขี้ผึ้งออก เทคนิคเช่นนี้ ชาวอนโดนีเซียเรียกว่า “บาติก (BATIK) ซึ่งมีเทคนิคการผลิต
ิ
์
แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ บาติกลายเขียน (MembatikTulis) และ บาติกลายพมพ(Membatik Cap) ทั้งนี้
ิ
ผ้าปาเต๊ะ มีลวดลายหลากหลายแบบผ้าปาเต๊ะเป็นผ้าที่เริ่มนิยมใช้กันในหมู่คนทั่วไป ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีการตั้งโรงงานผ้าปาเต๊ะในพื้นที่ภาคใต้ เมื่อประมาณ ๕๐-๖๐ ปี ที่ผ่านมา