เพลงกล่อมเด็ก
 
Back    09/08/2019, 14:17    27,290  

หมวดหมู่

เพลงกล่อมเด็ก


ประเภท/รูปแบบเนื้อหา

ร้อยกรอง


เนื้อหา


ภาพจาก : https://kantika2016.wordpress.com/2016/12/01/first-blog-post/ 

         ในบรรดาภาษาถิ่นของไทยภาษาถิ่นภาคใต้ เป็นภาษาถิ่นที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักมากที่สุดเพราะมีสำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์ชัดเจนที่สุด พิจารณาได้จากเพลงกล่อมเด็กภาคใต้ ที่มีทำนองและลีลาเด่นเป็นของตนเอง ทั้งนี้เพราะเพลงกล่อมเด็กภาคใต้มีสำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ที่ชัดเจนที่สุด จากการศึกษาความเป็นมาของเพลงกล่อมเด็กหรือเพลงกล่อมลูกภภาคใต้พบว่าเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อ และค่านิยมของคนในท้องถิ่นนั้น ๆ โดยวิวัฒนาการของเพลงมาจากการเล่านิทานให้เด็กฟังก่อนนอนในลักษณะคำกลอนหรือเป็นเพลงกล่อม  ซึ่งจะเป็นกลอนชาวบ้านไม่มีแบบแผนแน่นอนจะมีเพียงแต่สัมผัสคล้องจอง  ถ้อยคำที่ใช้ในบางครั้งอาจจะไม่มีความหมายเนื้อเรื่องก็จะเป็นเกี่ยวกับธรรมชาติสิ่งแวดล้อม หรือเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ซึ่งสะท้อนให้เห็นความรัก ความห่วงใยที่ปรากฎในบทเพลง สำหรับเพลงกล่อมเด็กหรือเพลงกล่อมลูกภาคใต้นั้นมีทั้งเพลงร้องเรือที่เรียกว่าเพลงร้องเรือ ก็เพราะว่าลักษณะของการใช้ผ้าผูกเปลในเด็กมีรูปร่างคล้ายเรือ บางที่ก็เรียกเพลงช้าน้อยหรือช้าน้อง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพลงประเภทใดก็ตาม ผู้ร้องต้องใช้ไหวพริบและปฏิภาณในการร้อง และมักขึ้นต้นเพลงด้วยคำว่า “ฮาเอ้อ” หรือคำว่า “เหอ” แทรกอยู่ในบทเพลงทั้งนั้น สำหรับจุดประสงค์ก็เพื่อแสดงออกทางอารมณ์และกล่อมให้เด็กหลับ และไม่ร้องไห้กวนโยเย ตลอดถึงเพื่อความเพลินเพลิด บทเพลงกล่อมเด็กหรือเพลงกล่อมลูกของภาคใต้ ในแต่ละท้องถิ่นจะเรียกแตกต่างกันออกไป อาทิ เพลงร้องเรือ ร้องกันอยู่ในแถบจังหวัดพัทลุง ตรัง หรือนครศรีธรรมราชบางส่วน เช่น อำเภอปากพนัง ส่วนที่จังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส จะเรียกว่าเพลงช้าน้อยหรือช้าน้อง ส่วนในหมู่คนไทยมุสลิมจะเรียกเป็นภาษายาวีว่า "อูเละ ตีโด" คำว่า อูเละ หมายถึง การร้องขับกล่อม ส่วนคำว่า ตีโด หมายถึงนอนหลับ รวมความแล้วหมายถึงการร้องขับกล่อมให้นอนหลับ แต่พอขึ้นมาที่นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี เรียกเพลงน้องนอน ซึี่งสามารถแบ่งประเภทของเพลงกล่อมเด็กหรือกล่่อมลูกของภาคใต้ ได้เป๋็น ๔ อย่าง ประกอบด้วย เพลงร้องเรือ เพลงชาน้อง หรือเพลงช้าน้อง เพลงเสภา และเพลงน้องนอน   (เพลงร้องเรือนั้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพราะลักษณะของเปลที่ใช้ผ้าผูกมีรูปร่างคล้ายเรือ เพลงชาน้องหรือช้าน้อง คำว่า "ชา" มาจากคำว่า "บูชา" ซึ่งแปลว่าสดุดีหรือกล่อมขวัญ ชาน้องหรือช้าน้อง จึงหมายถึงการสดุดีแม่ซื้อ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเทวดาหรือผีประจำทารก เพลงเสภาเป็นเพลงที่ใช้โต้คารมกันเป็นบทปฏิพากย์แสดงปฏิภาณไหวพริบ เมื่อนำมาใช้ในเพลงกล่อมลูกเพลงน้องนอนเป็นการมุ่งกล่อมน้องหรือกล่อมลูกโดยตรง)
            จากหลักฐานการค้นคว้าเพลงกล่อมเด็กภาคใต้ ของศาสตราจารย์สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ ระบุไว้ว่าเพลงกล่อมเด็กภาคใต้มีจุดประสงค์และโอกาสการใช้กว้างขวาง จำนวนเพลงจึงมีมากถึง ๔,๓๐๐ เพลง นับว่ามากกว่าทุกภาคในประเทศ  เพลงกล่อมเด็กหรือเพลงกล่อมลูก เป็นวรรณกรรมมุขปาฐะที่มีการสืบทอดในทุกสังคมด้วยวิธีการจดจํา ไม่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ใครจําได้ก็นําไปใช้ต่อผู้แต่งเพลงกล่อมเด็กส่วนใหญ่ คือผู้ที่เลี้ยงดูเด็ก เช่น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย และพี่สาว เป็นต้น เพลงกล่อมเด็กเกิดขึ้นจากผู้ที่ทําหน้าที่เลี้ยงเด็ก ต้องการให้ เด็กหลับ ผ่อนคลายความตึงเครียดและความเบื่อหน่ายในการเลี้ยงดูเด็ก เนื้อหาของเพลงกล่อมเด็กมีลักษณะที่ถ่ายทอดเอาสภาพชีวิตความเชื่อ และวัฒนธรรมของสังคมไว้มากมาย เพลงกล่อมเด็กจึงมีเนื้อหาสาระหลายอย่างผสมผสานกัน เช่น เนื้อหาเกี่ยวกับขนบธรรมเนียม หลักธรรม คติสอนใจ ถ้อยคําประชดประชันเสียดสี ความรักของหนุ่มสาว ฯลฯ เพลงกล่อมเด็กเป็นแหล่งรวบรวมความรู้มากมายในการอบรมสั่งสอน ให้รักพวกพ้อง สอนในเรื่องคุณธรรมต่าง ๆ และเป็นเครื่องกล่อมเกลานิสัยของเด็กให้เป็นคนดีของสังคม นับว่าเป็นพื้นฐานที่ดีของชีวิตเมื่อได้ฟังเพลงกล่อมเด็กที่มีคติสอนใจดังกล่าวบทเพลงกล่อมเด็กหรือเพลงกล่อมลูก (อังกฤษเรียกว่า Mother Goose อเมริกาเรียกว่า Lullaby)
              เพลงกล่อมเด็กนั้นมีอยู่​ทุกภูมิภาคของไทย​และ​เป็นวัฒนธรรม​ที่เกี่ยวข้อง​กับการเลี้ยงดูเด็กในสังคมไทย​ ซึ่งสามารถสรุปความสำคัญรวม ๆ ได้ ๒ ประเภทคือ

๑. เพลงกล่อมเด็กมีหน้า​ที่กล่อมให้เด็ก หลับ​โดยตรง ดังนั้น​จึง​เป็นเพลง​ที่มีทำนองฟังสบาย แสดง​ความรัก​ใคร่ห่วงใยของผู้ใหญ่​ที่มีต่อเด็ก
๒. เพลงกล่อมเด็กมีหน้า​ที่แอบแฝงอยู่หลายประการ เช่น
- การสอนภาษา ​เพื่อให้เด็กออกเสียงต่าง ๆ​ ​ได้​โดยการหัดเลียนเสียง​และออกเสียงต่าง ๆ​ ​ได้เร็วขึ้น​
- ถ่ายทอด​ความรู้ต่าง ๆ​ ​ได้แก่ เรื่อง​ราวเกี่ยว​กับธรรมชาติ การดำเนินชีวิต การทำมาหากินของสังคมตนเอง การสร้างค่านิยมต่าง ๆ​ รวม​ทั้งการระบายอารมณ์​และ​ความในใจของผู้ร้อง    นอกจากนี้พบว่า​ส่วนมากแล้ว​เพลงกล่อมเด็ก มักมีใจ​ความแสดงถึง​ความรัก​ใคร่ห่วงใยลูก ​ซึ่ง​ความรัก​และ​ความห่วงใยนี้ แสดงออกมาในรูปของการทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเก็บเด็กไว้ใกล้ตัว  บทเพลงกล่อมเด็กจึง​เป็นบทเพลง​ที่แสดงอารมณ์ ความรัก​ความผูกพัน​ระหว่างแม่-ลูก ​ซึ่ง​แต่ละบทมักแสดงถึง​ความรัก​ความอาทร ทะนุถนอม ​ที่แม่มีต่อลูกอย่างซาบซึ้ง

          ลักษณะเพลงกล่อมเด็กภาคใต้
      ลักษณะของเนื้อหาเพลงกล่อมเด็กภาคใต้โดยทั่วไปจะใช้ถ้อยคำง่าย ๆ มีเสียงคล้องจองกันแต่ไม่ได้บังคับลักษณะสัมผัส  สามารถยึดหยุ่นได้ตามทำนองของผู้ขับกล่อม  เพลงกล่อมเด็กภาคใต้ในแต่ละท้องถิ่นอาจเรียกชื่อแตกต่างกัน  เช่น  เพลงชาน้อง  เพลงร้องเรือ  หรือน้องนอน  เพลงกล่อมเด็กภาคใต้โดยทั่วไป วรรคแรกของเพลงกล่อมเด็กภาคใต้โดยทั่วไป  วรรคแรกของเพลงกล่อมเด็กมักขึ้นต้นด้วยคำว่า  “ฮาเอ๊อ”  หรือ  “ฮาเหอ”  เช่น

ฮาเหอ...เมรีเหอ เมรีร่วมห้อง
มือขวาอุ้มน้อง  มือซ้ายประคองอุ้มลูกไก่
เวลาน้องร้องไห้  เก็บดอกไม้มาโลมเจ้าทรามวัย
มือซ้ายระคองอุ้มลูกไก่   สายสุดใจร้องหาพระมารดา  เหอ....

        ตัวอย่างเพลงกล่อมเด็กภาคใต้

               เพลง: ไก่เถื่อนเหอ

“...ไก่เถื่อนเหอ...   ขันเทือนทั้งบ้าน
ลูกสาวขี้คร้าน... นอนให้แม่ปลุก
แม่เอาด้ามขวาน...   แทงวานดังพลุบ
นอนให้แม่ปลุก...   ลูกสาวขี้คร้านเห้อ...”

               เพลง: นกขมิ้น

เจ้านกขมิ้นเหลืองอ่อนเอ๋ย ค่ำแล้วจะนอนที่ตรงไหน จะนอนไหนก็นอนได้
สุมทุมพุ่มไม้ก็เคยนอน ลมพระพายชายพัดมาอ่อน ๆ เจ้าเคยจรมานอนรังเอย
เจ้านกขมิ้นเหลืองอ่อนเอ๋ย ค่ำแล้วจะนอนที่ตรงไหน จะนอนไหนก็นอนได้
สุมทุมพุ่มไม้ก็เคยนอน ลมพระพายชายพัดมาอ่อน ๆ เจ้าเคยจรมานอนรังเอย

              เพลง: วัดเอ๋ยวัดโบสถ์

วัดเอ๋ยวัดโบสถ์ ปลูกข้าวโพดสาลี
ลูกเขยตกยาก แม่ยายก็พรากลูกสาวหนี
โอ้ ข้าวโพดสาลี ป่านฉะนี้จะโรยราเอย

              เพลง: จันทร์เจ้า

จันทร์เจ้าเอ๋ย ขอข้าวขอแกง
ขอแหวนทองแดง ผูกมือน้องข้า
ขอช้างขอม้า ให้น้องข้าขี่ ขอเก้าอี้ให้น้องข้านั่ง
ขอเตียงตั่งให้น้องข้านอน ขอละครให้น้องข้าดู
ขอยายชูเลี้ยงน้องข้าเถิด ขอยายเกิดเลี้ยงตัวข้าเอง

               เพลง: เจ้าจันทร์ขา

จันทร์เจ้าขา ดิฉันขอถามข่าว พระจันทร์โศกเศร้า
ดิฉันเป็นทุกข์ พระจันทร์เป็นสุข ดิฉันสบาย
พระจันทร์เดือนหงาย ดิฉันเที่ยวเล่น เดือนมืดไม่เห็น
ดิฉันนอนเสีย    

               เพลง: โยกเยก

โยกเยกเอย น้ำท่วมเมฆ กระต่ายลอยคอ
อ้ายหมาหางงอ กดคอโงกเงก

               เพลง: ไปคร (ไปนครศรีธรรมราช)

อ้า เห้อ เหอ ไปคอน
ไปแลพระนอนและพระนั่ง
พระพิงเสาดั้งหลังคามุงเบื้อง
เข้าไปในห้องไปแลพระทองเขาทรงเครื่อง
หลังคามุงเบื้อง ทรงเครื่องดอกไม้

                เพลง:  นกเขาขัน

นกเขาเอย ขันแต่เช้าไปจนเย็นขันไปให้ดัง
แม่จะฟังเสียงเล่น เนื้อเย็นเจ้าคนเดียวเอย

                เพลง: นอนไปเถิด

นอนไปเถิดแม่จะกล่อม นวลละม่อมแม่จะไกว
ทองคำแม่อย่าร่ำไห้ สายสุดใจเจ้าแม่เอย

                 เพลง: เจ้าเนื้อละมุน

เจ้าเนื้อละมุนเอย เจ้าเนื้ออุ่นเหมือนสำลี
แม่มิให้ผู้ใดต้องเนื้อเจ้าจะหมองศรี ทองดีเจ้าคนเดียวเอย

             ประวัติเพลงกล่อมเด็กภาคใต้ ผลงานของสุภาพร ฉิมหนู
             - ไกเถื่อนขันเทือนแลว
               เพลงไกเถื่อนขันเทือนแลวไดรับแรงบันดาลใจจากเพลงเพลงไกเถื่อนเหอของนางเพิ่ม ไชยบุญแกว แมเพลงจังหวัดสงขลา ประพันธบทเพลงกลอมเด็กอยูในรูปแบบอะแคปเปลลา (A cappella) ใชเบลไลลา (Bell Lyra) เครื่องกระทบ (Percussion Instruments) ประเภทที่มีระดับเสียงแนนอน (Definite Pitch Instruments) มา ประกอบในบทเพลงเพื่อใหมีความสนุก สวางสดใสและขับรองเปนภาษาไทยถิ่นใต เนื้อหาเพลงกลาวถึงวิถีชีวิตชาวบาน การใชชีวิตในครอบครัว คติสอนใจผูหญิงใหมีความงดงามอยางไทย นำสารัตถะจากบทเพลงไกเถื่อนเหอและความทรงจำวัยเยาวของผูวิจัยประพันธเรื่องราวในบทเพลง ซึ่งตอนสมัยยังเด็กทุกบานมารดาตองคอยปลุกลูก ใหตื่นจากเตียงนอนเพื่อทำภาระกิจตาง ๆ เชน อาบน้ำรับประทานอาหาร ในบทเพลงนี้จะชวนใหนึกถึงเสียงบน ของแม คำเตือนสติ และความทรงจำตาง ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีต
           - เพลงโอละเหโอละชา 
             เพลงโอละเหโอละชาไดรับแรงบันดาลใจจากเพลงฝนทะเลมืดมาของนางคำแกว พวงแกว แมเพลงจังหวัด นราธิวาส บทประพันธอยูในรูปแบบแคนนอน (Canon) ไมมีเครื่องดนตรีบรรเลงประกอบและขับรองเปนภาษาไทยถิ่นใต้ แรงบันดาลใจของเพลงนี้เปนเพลงกลอมเด็กที่พบในอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส แมเพลงขับ รองดวยภาษาตากใบ (เจะเห) เปนภาษาตระกูลไทกลุมตะวันตกเฉียงใต กระจายตัวอยูในจังหวัดปตตานี จังหวัด นราธิวาส และพื้นที่บางสวนในประเทศมาเลเซียซึ่งสำเนียงจะแตกตางกับภาษาถิ่นใตภาษาตากใบมีความคลายกับ ภาษาสุโขทัยจัดใหอยูในกลุมเดียวกับภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาอูทองและภาษาไตเหนือ-พวน นอกจากนี้ขอสังเกต อีกอยางหนึ่งเกี่ยวกับที่มาของภาษาตากใบซึ่งในเพลงกลอมเด็กฝนทะเลมืดมาจะรองขึ้นดวยคำวา “โอละเห โอละชา”เหมือนกับเพลงกลอมเด็กภาคกลาง ที่ขึ้นตนดวย “โอละเห” เชนกัน แตกตางกับเพลงชานอง ของภาคใตที่สวนใหญจะขึ้นตนดวย “ฮาเออ” และลงทายดวย “เหอ”
          - เพลงนองตื่นแลวหมี (นองตื่นแลวยัง)
            เพลงนองตื่นแลวหมี (นองตื่นแลวยัง) ไดรับแรงบันดาลใจจากเพลงอีโรย อีโรยมาเลนโปรยทราย ของนางนุย ดำกระเด็น แมเพลงจังหวัดนราธิวาส บทประพันธนี้เปนการนำกระสวนจังหวะในเพลงกลอมเด็กภาษาตากใบ (เจะเห) มาพัฒนาใสคำรองและเรียบเรียงเสียงประสานใหเปนแบบออสตินาโต บทเพลงนี้ไมมีเครื่องดนตรี บรรเลงประกอบและขับรองเปนภาษาไทยถิ่นใต “เพลงนองตื่นแลวหมี (นองตื่นแลวยัง)”
             - เพลงนอนนะนุยนอน
          เพลงนอนนะนุยนอนไดรับแรงบันดาลใจจากเพลงไปคอนเหอ ของนางจิต ทิพยกองลาส แมเพลงจังหวัด นครศรีธรรมราช ประพันธบทเพลงกลอมเด็กอยูในรูปแบบเปนเพลงสมัยนิยมแนวเพลงเพื่อชีวิตภาคใตใชเครื่อง ดนตรี คือ กีตารโปรงบรรเลงคอรด ประกอบกับการขับรองประสานเสียงบทเพลงนอนนะนุยนอนผูวิจัยเริ่มตนเขียน เนื้อคำรองใหในรูปแบบกลอนวรรคละไมเกิน ๔-๖ คำเนื้อหาคำรองเกี่ยวกับการกลอมลูกใหนอนหลับ ซึ่งขณะกลอมอยูนั้นแมรองเพลงเลานิทานเมืองนครศรีธรรมราชใหทารกฟงและแมถายทอดความรักที่ออนโยน ปลอบลูกใหรูสึกปลอดภัยหลับสนิทไมมีความกังวล
             - เพลงนิทานเมรีกลอมนองนอน
                เพลงนิทานเมรีกลอมนองนอนไดรับแรงบันดาลใจจากเพลงนางเมรีเหอของ นางจิต ทิพยกองลาส แมเพลงจังหวัดนครศรีธรรมราช เนื้อหาเดิมของเพลงกลาวถึงนางเมรีในนิทานพระรถเมรีความวา นางเมรีเมาเหลาจนเผยความลับเรื่องดวงตาของนางสิบสองที่ยักษไดซอนเอาไว บอกแกพระรถจนหมดสิ้น พระรถเปนโอรสของนางสิบสองนำดวงตาคืนกลับใหมารดาจนครบ เมื่อนางเมรีรูสึกตัวอีกทีดวงตาที่แอบซอนไวไดหายหมดสิ้นแลว เพลงนี้ขับรองเปนภาษาไทยถิ่นกลางไดแนวคิดการประพันธคำรองมาจากเพลง Amazing grace เปนเพลงสรรเสริญพระเจา ประพันธคำรองโดยจอหน นิวตัน นักบวชชาวอังกฤษ เนื้อเพลงอยูในรูปแบบ Strophic Form เนื้อหาคำรองเกี่ยวกับนิทานนางเมรีที่กลาวไวขางตน ใชคำวา “เหอ” ซึ่งเปนเอกลักษณของเพลงกลอมเด็กภาคใต ใสไวในเพลงดวยผูวิจัยไดประพันธเพลงนี้โดยใหแนวเสียงผูชายเริ่มขับรองกอนเพราะแทจริงแลวเพลงกลอมเด็กมิไดใชรองเพียงแคมารดาเทานั้น


ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อ/สถานที่/เรื่อง
เพลงกล่อมเด็ก
ที่อยู่
จังหวัด
ภาคใต้


วีดิทัศน์

รูปภาพ
 
      Font Size  
Back to Top
Khunying Long Athakravisunthorn Learning Resources Center
Prince of Songkhla University ©2018-2024