นายแรง (Nayraeg)
 
Back    19/09/2018, 15:32    9,995  

หมวดหมู่

นิทานพื้นบ้าน


ประเภท/รูปแบบเนื้อหา

เรื่องเล่า


เนื้อหา

      นายแรงเป็นนิทานประเภทอธิบายสถานที่ที่ปรากฏอยู่ในจังหวัดพัทลุง จังหวัดสงขลา โดยเฉพาะภูเขาต่าง  ๆ  เช่น เขารุน เขาหัวหมา เขาแดง เขาเก้าแสนหรือเขาเก้าเส้ง เป็นต้น มีเรื่องเล่าว่ากาลครั้งหนึ่งในเมืองพัทลุงมีสามีภรรยาคู่หนึ่งอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลาช้านานแต่ยังไม่มีลูก ทั้งสองพยายามบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้มีลูก  แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถมีลูกได้จึงพากันไปหาท่านสมภารที่วัด ท่านสมภารจึงแนะนำให้ไปหยิบก้อนกรวดที่ริมบ่อน้ำมาก้อนหนึ่ง  ให้นำไปห่อผ้าขาววางไว้ใต้หมอนแล้วตั้งจิตอธิษฐานขอลูก  ไม่ช้าภรรยาก็ตั้งครรภ์ และกินอาหารได้มากผิดปกติยิ่งท้องแก่ ยิ่งต้องเพิ่มอาหารมากขึ้น เมื่อถึงเวลาคลอดก็คลอดทารกออกมาเป็นผู้ชาย  ชาวบ้านแตกตื่นกันมาดูเพราะทารกโตเกือบเท่าเด็ก ๑ ขวบ กินนมแม่อยู่ตลอดเวลา เด็กคนนี้โตวันโตคืนกินอาหารจุ น้ำนมของแม่ไม่พอเลี้ยง ต้องต้มข้าวให้กินมื้อละ ๑  กระทะ กินกล้วยครั้งละ ๑๐ หวี จนทำให้พ่อแม่หมดเนื้อสิ้นตัวและยากจนลง จึงคิดหาอุบายที่จะฆ่าลูกชายเสีย เพราะไม่สามารถที่จะเลี้ยงต่อไปได้ เช้าวันหนึ่งพ่อจึงชวนลูกชายไปตัดฟืนในป่า  พ่อลงมือโค่นต้นยางขนาดใหญ่  พอต้นยางใกล้จะล้มก็เรียกลูกให้เข้ามารับ โดยให้ต้นยางล้มทับลูกให้จมลงไปในดิน พ่อคิดว่าลูกคงตายแล้วจึงกลับบ้าน  ตกตอนเย็นลูกชายกลับแบกต้นยางกลับมาวางไว้ที่หน้าบ้าน  ชาวบ้านแตกตื่นกันมาดูต่างเรียกชื่อเด็กชายคนนี้ว่า "นายแรง" ครั้งหนึ่งมีเรือสำเภาเข้ามาค้าขายในหมู่บ้าน พ่อแม่คิดจะฆ่าลูกชายอีกจึงได้ฝากนายแรงไปกับเรือสินค้า  เรือแล่นออกสู่ทะเลเป็นเวลาหลายวัน อาหารที่มีอยู่จึงไม่พอกินพ่อค้าจึงหลอกให้นายแรงลงจับปลาโลมาแล้วแล่นเรือหนีไป แต่นายแรงยังโชคดีได้พบเรือที่จมอยู่ใต้ท้องน้ำจึงกู้เรือนั้นขึ้นแล้วนั่งเรือกลับบ้าน พ่อแม่ของนายแรงเกิดสำนึกผิดที่คิดจะฆ่าลูกของต้น ต่อมาก็เลยเต็มใจเลี้ยงนายแรงถึงจะประสบกับความยากจนก็ตามทำให้นายแรงสงสารพ่อแม่ที่ตนเองมากที่เป็นต้นเหตุให้พ่อแม่ยากจน จึงรับอาสาทำงานทุกอย่างไม่ว่าชาวบ้านจะขอความช่วยเหลือในเรื่องอะไร เพื่อแลกกับอาหารมาเลี้ยงพ่อแม่  วันหนึ่งนายแรงจับโจรที่เข้ามาปล้นวัวควายในหมู่บ้านได้ถึง ๔ คน ทำให้พวกโจรต่าง ๆ พากันหวาดกลัวไม่กล้าเข้ามาปล้นในหมู่บ้านนี้อีก นายแรงจึงเป็นที่รักของชาวบ้านทั่วไป และได้จ้างนายแรงให้เลี้ยงวัว-ควายโดยนายแรงนำวัวไปเลี้ยงไว้ที่เชิงเขาลูกหนึ่ง ปัจจุบันเรียกว่า "เขาหลักโค" (อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง) และก็ได้นำไก่ไปเลี้ยงไว้ที่เขาลูกหนึ่ง เรียกว่า "เขาหลักไก่" (อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง) นำควายไปเลี้ยงไว้ที่เกาะใหญ่ เรียกสถานที่นั้นว่า " คอกควายนายแรง"  (อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา) ในหมู่บ้านที่นายแรงอาศัยอยู่มักมีช้างป่าออกมาอาละวาดทำลายเรือกสวนไร่นาชาวบ้านอยู่บ่อยครั้ง โดยมีช้างจ่าโขลงตัวหนึ่งมีความดุร้ายมากออกมาถอนต้นไม้ ทำลายบ้านเรือนราษฎอยู่เสมอ นายแรงรับอาสาจับช้างตัวนั้นเมื่อจับได้แล้วก็โยนไปตกที่จังหวัดสงขลากลายเป็นเขาลูกหนึ่ง เรียกว่า "เขาลูกช้าง" (ปัจจุบันเรียกว่าเขารูปช้าง อยู่ในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา) ต่อมาพ่อแม่นายแรงเสียชีวิตลง นายแรงได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านเขาหลักโค  (ปัจจุบันคือบ้านหัวหมอน ตำบลนาโหนด อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง)  นายแรงเป็นคนที่ชอบกินเนื้อแลน  (ตะกวด) วันหนึ่ง ๆ กินไม่ต่ำกว่า ๑๐ ตัว วันหนึ่งนายแรงไปหาแลนที่ตะแพน เขาปู่ เขาย่า ได้พบแลนยักษ์ตัวหนึ่ง นายแรงจึงขว้างด้วยมีดอีโต้เรียกที่นั้นว่า  "ทุ่งอ้ายโต้"  แลนแล่นผ่านบ้านลานแยะ บ้านพังดาน บ้านปากเลน เขาโต๊ะบุญ บ้าน พังโย ทางที่แลนวิ่งผ่านกลายเป็นคลองชาวบ้านเรียกว่า "คลองห้วยแลน" แลนยักษ์แล่นลอดเข้าไป ทางใต้เขาพนมวังก์ ไปซ่อนตัวอยู่ในโพรงหินทางด้านทิศตะวันตกของเขาเมือง นายแรงขุดด้วยจอบโดยมีหมาช่วยขุดคุ้ยหินชาวบ้านเรียกตรงนั้นว่า "หินรอยหมากัด" จนถึงเวลาเที่ยงวันนายแรงยังจับแลนยักษ์ตัวนั้นไม่ได้  จึงใช้ให้หมาไปเอาข้าวห่อที่บ้านเขาหลักโค ตนเองขุดต่อไปมีก้อนหินมหึมากีดขวางด้ามจอบ นายแรงจึงดันหินนั้นให้ออกห่างไปทางด้านทิศตะวันตก กลายเป็นเขาอีกลูกหนึ่งชาวบ้านเรียกว่า  "เขารุน"  ส่วนหินที่เกิดจากการขุดคุ้ยชาวบ้านเรียกว่า"ขี้จอบนายแรง"เมื่อนายแรงจับแลนยักษ์ได้ก็ฟาดกับเขาอีกลูกหนึ่ง  เลือดแลนยักษ์ไหลอาบหน้าผาเป็นสีแดงฉานจึงเรียกเขาลูกนั้นว่า "เขาแดง" (อำเภอเมืองพัทลุง)นายแรงนำมีดอีโต้ที่ชำแหละแลนไปล้างเลือดที่คลองแห่งหนึ่งคลองนี้จึงเรียกว่า"คลองอ้ายโต้" นำหนังแลนไปตากที่กลางทุ่งนาทางทิศตะวันตกของเขาพนมวังก์ ที่นั้นจึงเรียกว่า  "ทุ่งขึงหนัง"  (อำเภอควนขนุน จัวหวัดพัทลุง) และไปเอาตะไคร้ที่เขาอีกลูกหนึ่งชาวบ้านเรียกเขานี้ว่า "เขาใคร" (อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง) นายแรงมักจะเดินทางไปเอาสิ่งของที่ตนต้องการในที่ไกล ๆ เพราะเขาไปมารวดเร็วจึงไปตำน้ำพริกที่อำเภอปากพะยูน ที่ตรงนั้นจึงเรียกว่า "บางน้ำชุบ" นำเนื้อแลนไปจิ้มกินที่เขาอีกลูกหนึ่งชาวบ้านเรียกว่า "เขาจุ้มโจ" นายแรงนำเนื้อแลนที่เหลือไปฝากหมาตัวเองแต่พบว่าหมาขาดใจตายเสียแล้วที่คอยังมีข้าวห่อแขวนอยู่ภายหลังกลายเป็นหิน ชาวบ้านเรียกว่า "เขาหัวหมา" (อำเภอเมืองพัทลุง) ต่อมานายแรงเป็นห่วงควายที่นำไปเลี้ยงไว้ที่เกาะใหญ่ จึงออกเดินทางไปเกาะใหญ่ ได้หุงข้าวต้มไก่ที่แหลมแห่งหนึ่งต่อมาเรียกว่า "แหลมไก่ฟู" (อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง) เกิดลมพัดจัดไม่สามารถหุงข้าวต้มไก่ได้จึงเลื่อนไปหุงที่ริมเนินเมื่อกินอาหารเสร็จแล้ว ก็ทิ้งหม้อข้าวหม้อแกงไว้ที่นั้นเรียกที่นั้นว่า "ควนตั้งหม้อ" (อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง) ต่อมาเมืองขึ้นของไทยทางมลายูเกิดแข็งเมืองขึ้น (เป็นกบฎ) นายแรงอาสาไปรับศึกครั้งนี้ด้วย โดยนายแรงเป็นกองหน้าบุกตะลุยข้าศึกจนได้รับชัยชนะ  นายทัพฝ่ายไทยเห็นว่านายแรงมีฝีมือยอดเยี่ยมมีกำลังมาก จึงแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมือง และเมื่อครั้งที่ทางเมืองนครศรีธรรมราช กำหนดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในเจดีย์ และจัดงานเฉลิมฉลองใหญ่โต โดยให้บรรดาหัวเมืองทั้ง ๑๒ เมือง จัดเครื่องบูชา พร่้อมเงิน-ทองไปบรรจุในพระบรมธาตุ เมื่อนายแรงในฐานะเป็นเจ้าเมืองและเป็นเมืองขึ้นของนครศรีธรรมราชด้วย กอรปกับนายแรงเป็นผู้มีความศรัทธาใน พระพุทธศาสนา จึงได้ขนเงินทองเป็นจำนวนมากถึงเก้าแสนบรรทุกเรือสำเภา พร้อมด้วยไพร่พลออกเดินทางไปเมืองนครศรีธรรมราช  ในขณะกำลังเดินทางเรือสำเภาได้ถูกคลื่นลมพัดจนชำรุดเสียหาย  จึงเข้าจอดเรือที่ชายฝังหาดทรายแห่งหนึ่งเพื่อซ่อมแซมเรือ แต่ได้ทราบข่าวว่าทางเมืองนครศรีธรรมราชได้บรรจุพระ บรมสารีริกธาตุและเฉลิมฉลองเสร็จแล้ว ทำให้นายแรงเสียใจมากจึงให้ไพร่พลขนเงินทองไปบรรจุไว้บนยอดเขาลูกหนึ่งและสั่งให้ลูกเรือตัดหัวของตนไปวางไว้ที่ยอดเขา จากนั้นนายแรงก็กลั้นใจตาย ลูกเรือต้องจำใจตัดหัวเจ้านายของตนแล้วนำวางไว้บนยอดเขาตามคำสั่ง ต่อมาภายหลังเขาลูกนี้เรียกขานว่า "เขาเก้าแสน"  อยู่ต่อมาเสียงเพี้ยนไปเป็น "เขาเก้าเส้ง" ก้อนหินที่ปิดทับอยู่บนยอดเขาเรียกว่า "หัวนายแรง" ชาวบ้านเชื่อว่าดวงวิญญาณของนายแรงยังคงเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์อยู่ที่เขาเก้าเส้งมาจนทุกวันนี้


ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อ/สถานที่/เรื่อง
นายแรง
ที่อยู่
จังหวัด
สงขลา
ละติจูด
7.1826283
ลองจิจูด
100.6197104



วีดิทัศน์

บรรณานุกรม

นิทานนายแรง. (2538). สืบค้นวันที่ 19 ก.ย. 61, จาก http://kanchanapisek.or.th/kp8/culture//skl/skl3502.html

 


รูปภาพ
 
      Font Size  
Back to Top
Khunying Long Athakravisunthorn Learning Resources Center
Prince of Songkhla University ©2018-2024