ผ้าทอนราธิวาส
 
Back    22/06/2022, 12:49    4  

หมวดหมู่

เครื่องแต่งกาย


ประเภท

ผ้า


ประวัติความเป็นมา/แหล่งกำเนิด

           ผ้าเป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ ทั้งในแง่การดำรงชีวิตที่ต้องใช้เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มกันร้อนกันหนาว มากกว่านั้นผ้ายังแสดงออกถึงวัฒนธรรมและสถานะทางสังคม เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าวัฒนธรรมผ้าในประเทศไทย มีความหลากหลาย โดดเด่น งดงามแตกต่างกันไป ภาคอีสานโดดเด่นผ้าไหมมัดหมี่ เหนือโดดเด่นซิ่นตีนจก ใต้มีผ้ายกนาหมื่นศรี แต่จะมีคนกี่มากน้อยที่เคยคุ้นกับวัฒนธรรมการใช้ผ้าของท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีหลากหลายวัฒนธรรม ทั้งชาวไทยพุทธ ชาวไทย-มุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ผ้าทอของจังหวัดชายแดนใต้นั้นมีความหลากหลายแตกต่างกันไป ทั้งตามวัสดุที่ใช้ทอ วิธีการทอ วิธีการสร้างลวดลาย หรือวิธีการใช้งาน 
             
กลุ่มผ้าทอนราธิวาส
            
กลุ่มศิลปาชีพบ้านตอหลัง


ภาพจาก : https://link.psu.th/TCMraw


             จังหวัดนราธิวาสเป็นจังหวัดเล็ก ๆ ในภาคใต้ของประเทศไทย ที่มีเขตแดนติดต่อกับประเทศมาเลเซียในพื้นที่อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอแว้ง เหตุนี้ชาวนราธิวาส จึงได้รับอิทธิพลการสวมใส่และใช้ผ้าถุงของประเทศมาเลเซีย มาเป็นเครื่องนุ่งห่มซึ่งมีลายดอกไม้และสีสันสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ของทางภาคใต้ จากอดีตจนถึงปัจจุบันนี้สตรีเกือบทุกวัยต่างนิยมนุ่งผ้าถุงเป็นกัน และยังได้นำผ้าถุงมาออกแบบตัดเย็บเป็นชุดหลากหลายรูปแบบมากขึ้น เมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ณ วัดคันธาริการาม ได้กราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดคันธาริการาม หรือวัดตอหลัง พร้อมกับมีพระราชดำริสรุปความว่า..."ให้จัดหาแหล่งน้ำให้แก่ราษฎร เพื่อใช้ในการเกษตร รวมทั้งให้ดำเนินการพัฒนาอาชีพแก่ราษฎร โดยจัดตั้งศูนย์ศิลปาชีพบ้านตอหลัง จัดทำโครงการฟาร์มตัวอย่างขึ้นในพื้นที่บ้านตอหลัง" หลังจากนั้นจึงมีการจัดตั้งกลุ่มศิลปาชีพบ้านตอหลังขึ้นภายในวัดตอหลัง และทรงรับกลุ่มทอผ้าบ้านตอหลังไว้ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ชาวบ้านตอหลังจึงใช้เวลาว่างหลังจากการกรีดยาง ปลูกผัก ทำนามารวมกลุ่มกันทอผ้าขาวม้าและผ้าอื่น ๆ กลุ่มทอผ้าบ้านตอหลังได้รับการสนับสนุนการทอผ้าลายดอก จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยนายสุพรรณสาร โพธิ์ประเสริฐ เจ้าหน้าที่งานส่งเสริมอุตสาหกรรม ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค ๑๑ สงขลา ไปเป็นอาจารย์สอนสมาชิกกลุ่มทอผ้าบ้านตอหลัง ให้มีความชำนาญในการทอผ้าลายดอก ซึ่งจากเดิมทอผ้าโดยใช้เทคนิคง่าย ๆ ลวดลายไม่ซับซ้อนมากนัก ต่อมาได้คิดค้นการใช้เทคนิคการทอผ้าชั้นสูงเป็น ๗ ตะกอ ๑๒ เท้าเหยียบ ซึ่งจะได้ลวดลายผ้าที่มีความละเอียดประณีตสวยงาม ลายผ้าดูโดดเด่นมากขึ้น เช่น ลายสายหยุด และลายพิกุลพลอย ส่วนสมาชิกทอผ้าบ้านทรายขาวเน้นการทอผ้า ลายพวงทอง และลายขจร ปัจจุบันกลุ่มทอผ้าบ้านตอหลังได้ทอผ้าลายต่าง ๆ มากขึ้น เช่น ลายรสสุคนธ์ ลายทองอุไร ลายจันทร์กระพ้อ ลายพิกุลพลอย ลายดาวกระจาย ลายบานไม่รู้โรย เป็นต้น ต่อมาจังหวัดนราธิวาสและสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ๒๕ นราธิวาส ได้ให้การสนับสนุนไปส่งเสริมการสอนการออกแบบตัดเย็บผ้าทอ ให้มีความสวยงามและแปลกใหม่ให้แก่สมาชิก อีกทั้งส่วนราชการอื่น ๆ ก็ยังให้การสนับสนุนและส่งเสริมกลุ่มทอผ้าบ้านตอหลัง โดยให้บุคลากรสวมใส่ผ้าทออันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดนราธิวาสเนื่องในโอกาสต่าง ๆ ทั้งนี้เพื่อช่วยกันอุดหนุนกลุ่มศิลปาชีพ จึงทำให้กลุ่มทอผ้าบ้านตอหลัง หมู่ที่ ๓ ตำบลไพรวัน อำเภอตากใบ มีโอกาสได้ไปร่วมจัดแสดงผ้าทอในงานต่าง ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะงานสำคัญ ๆ ทั่วประเทศ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ทางกลุ่มทอผ้าบ้านตอหลังได้ทอผ้าลายใหม่ชื่อลายขอ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงออกแบบลายมัดหมี่พระราชทานให้ช่างทอผ้าลายใหมชื่อลายขอ ซึ่งเป็นผ้าทอยกของเมืองนคร ให้กลุ่มทอผ้าบ้านตอหลังได้ทอผ้ายกลายขอ โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนราธิวาส สนับสนุนให้นายสุพรรณสาร โพธิ์ประเสริฐ มาเป็นอาจารย์สอนแกะลายจนประสบผลสำเร็จภายใน ๑ เดือน แต่ฝึกให้สมาชิกทอเพียงคนเดียวเท่านั้น นับเป็นความสำเร็จในการทอผ้าพระราชทานด้วยความปลื้มปิติทั้งผู้สอนและสมาชิกทอผ้า นางชุม หมื่นเพชร ประธานกลุ่มทอผ้าบ้านตอหลัง และสมาชิกกว่า ๔๐ ราย ต่างรู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทำให้สมาชิกทุกคนได้มีอาชีพเริ่มจากวันนั้น จนวันนี้สร้างรายได้สามารถส่งลูกเรียนจบระดับปริญญาตรี และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผ้าทุกผืนเราตั้งใจทอด้วยความเอาใจใส่ และจะร่วมสืบสานต่อยอดพัฒนาการทอผ้า และจะยึดอาชีพทอผ้านี้ไปตราบชั่วลูกชั่วหลาน  

          กลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนสตรีทอผ้าตะปอเยาะ

   


ผ้าทอมัดหมี่ลายดอกบัวสื่

           กลุ่มสตรีผ้าทอตะปอเยาะ ตำบลตะปอเยาะ อำเภอยื่งอ จังหวัดนราธิวาส แหล่งผลิตผ้าทอมัดหมี่ที่มีเอกลักษณ์ประจำกลุ่ม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอดเรื่องราวการออกแบบลวดลายผ้ามัดย้อม ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นและยังเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมีรูปแบบ รูปทรงและลักษณะเด่นของผ้าทอที่เกิดจากภูมิปัญญาล้วน ๆ ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ผ้าทอนราธิวาส สินค้าดี ลวดลายเด่นของกลุ่มสตรีผ้าทอตะปอเยาะ โดยเฉพาะผ้าทอมัดหมี่ลายดอกบัวของกลุ่มสตรีผ้าทอตะปอเยาะ เป็นลายที่บ่งบอกกถึงเอกลักษณ์ของกลุ่มสตรีทอผ้าตะปอเยาะ เนื่องจากประธานกลุ่มสตรีผ้าทอตะปอเยาะ คือนางฮายาตี โต๊ะโซ๊ะ และสมาชิกกลุ่มได้ช่วยกันออกแบบลายผ้าทอและมัดหมี เพื่อให้สื่อความอดทน ร่วมแรงร่วมใจ ของสมาชิกภายในกลุ่ม ตลอดระยะเวลา ๒ ปี กว่าจะได้ตั้งกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนสตรีทอผ้าตะปอเยาะ และได้ผ้าทอมัดหมี่ลายดอกบัวที่สื่อความหมายถึงไม่จมในบททดสอบ ยืนอย่างมั่งคงเฉลียวฉลาดในการเอาตัวรอด เป็นหนึ่งเดียวแต่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ยึดมั่นในความเป็นหนึ่งถึงแม้มีภัยมารุกราน ผ้ามัดย้อมเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของชนชาติและได้มีการพัฒนาเรื่อยมาจนมีความสำคัญในอุตสาหกรรมสิ่งทอระดับประเทศ เนื่องจากผ้ามัดย้อมเป็นสินค้าที่มีศักยภาพที่จะนำมาพัฒนาเพื่อส่งออกทั้งภาครัฐและเอกชน จึงเริ่มที่จะให้ความสนใจที่จะศึกษาหาแนวทางในการพัฒนาผ้ามัดย้อม ให้ได้ตามความต้องการของตลาดทั้งภายในและนอกประเทศ อย่างไรก็ตามถึงแม้ในปัจจุบันแนวโน้มที่กลุ่มช่างทอผ้าซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวชนบทให้ความสำคัญกับลวดลายต่าง ๆ ที่ได้ทอกันมาแต่โบราณน้อยลง แต่กลุ่มสตรีทอผ้าตะปอเยาะยังเห็นถึงความสำคัญ เพราะการมัดย้อมฝ้ายเป็นการบ่งบอกถึงความเป็นกุลสตรีของหญิงสาวในชุมชนตะปอเยาะ ด้านภูมิปัญญาการมัดย้อมจะต้องอาศัยความชำนาญขั้นสูงอาศัยฝีมือความประณีตบรรจงและความคิดสร้างสรรค์ และต้องมีความอดทนและมีใจรักจึงสามารถมัดย้อมผ้าที่สวยงามได้ การมัดหมี่เป็นการทำลวดลายของผืนผ้าทอ โดยการใช้เชือกฟางที่สามารถกันน้ำ กลุ่มเส้นฝ้ายเป็นลวดลายตามต้องการ ก่อนนำฝ้ายย้อมน้ำสีเมื่อแก้เชือกฟางที่มัดออก จึงเกิดสีแตกต่างกันถ้าต้องการเพียง ๒ สี จะแก้เชือกฟางมัดฝ้ายเพียงครั้งเดียวหากต้องการหลายสี ก็จะมีการแก้มัดเชือกฟางหลายครั้งก่อนมัดหมี่ ต้องค้นหมี่ก่อนโดยการนำเส้นฝ้ายพันรอบหลักหมี่ ๑ คู่ โดยการนับจำนวนเส้นฝ้ายให้สัมพันธ์กับลายหมี่ที่จะมัด จากนั้นจึงทำการมัดหมื่กลุ่มเส้นฝ้ายในหลักหมี่ ตามลวดลายหมี่ที่ต้องการ เมื่อถอดฝ้ายมัดหมี่ออกจากหลักหมี่ นำไปย้อมสี บิดให้หมาดแล้วจึงแก้ปอมัดหมื่ออก ทำให้เกิดลวดลายตรงที่แก้ปออก นำฝ้ายที่แก้ปอมัดหมี่แล้วนี้ไปพันรอบหลอดไม้ไผ่เรียกว่าการปั่นหลอด ร้อยหลอดฝ้ายตามลำดับก่อน-หลัง และต้องเก็บไว้อย่างดี ระวังไม่ให้ถูกรบกวนจนเชือกร้อยขาดฝ้ายมัดหมี่ในหลอดฝ้ายใช้เป็นเส้นพุ่งในการทอ  สำหรับการทอผ้ามัดหมี่กลุ่มสตรีผ้าทอตะปอเยาะ มีขั้นตอนประกอบด้วย
              การค้นหมี่
             การค้นหมี่คือการเอาฝ้ายที่เตรียมมาแล้วมัดหลักหมี่ด้านล่างก่อน แล้วพันรอบหลักหมี่ไปเรื่อย ๆ เรียกว่าการก่อหมี่ การค้นหมี่จะต้องค้นจากล่างขึ้นบน หรือบนลงล่างจนกว่าจะครบจำนวนรอบที่ต้องการ ภาษาท้องถิ่นเรียกแต่ละจำนวนว่าลูกหรือลำ ถ้าก่อหมี่ผูกฝ้ายด้านขวาก็ต้องวนซ้ายมาขวาทุกครั้งและควรผู้กฝ้ายไว้ทุกลูกด้วยสายแนม เพื่อไม่ให้หมี่พันกัน หรือหลุดออกจากกัน 
                การมัดหมี่
           การมัดหมี่นั้นต้องมัดกลุ่มฝ้ายแต่ละลูกหมี่ด้วยเชือกฟาง จนครบหลักหมี่ทำเป็นเชิงผ้า การเริ่มต้นลายมัดหมื่อาจมัดจากด้านบนไล่เรียงลงข้างล่าง หรือมัดข้างล่างก่อนจึงไล่เรียงขึ้นข้างบน บางคนอาจเริ่มมัดจากตรงกลางก่อนจึงขยายออกไปเต็มหลักหมี่ เริ่มมัดปลายเชือกด้านหนึ่งกับลูกหมี่ก่อน จึงพันอีกปลายหนึ่งซ้อนทับกันให้แน่นเพื่อไม่ให้สีย้อมซึมเข้าข้อหมี่ เมื่อพันทับกันไปจนได้ความยาวตามลายหมี่แล้ว มัดปลายเชือกกับลูกหมี่ให้แน่นเช่นกัน โดยเหลือปลายเชือกไว้เมื่อเวลาแก้ปอมัดจะทำได้ง่าย เอาเชือกเส้นหนึ่งสอดเข้าไปในช่องหลักหมี่ข้างใดข้างหนึ่ง ผูกกลุ่มฝ้ายไว้เป็นวงไม่ให้หมี่ที่มัดลวดลายแล้วหลุดออกจากกัน และใช้เป็นหูหิ้วสำหรับจับเวลาย้อม ถอดฝ้ายมัดหมื่ออกจากหลักหมี หลังจากนั้นเราก็จะนำไปย้อมคราม เมื่อย้อมครามเสร็จก็จะนำมาแก้ปอมัดหมี่ 
               การย้อมสี
          การย้อมสีโดยการละลายสีสำเร็จในน้ำร้อนคนให้สีละลายดีแล้ว เติมลงในหม้อย้อมที่มีน้ำอุ่นอยู่คนให้ทั่ว นำฝ้ายที่เตรียมจ่มน้ำเปียกให้ทั่ว บิดหมาดแล้วใส่ลงในหม้อย้อมหมั่นพลิกไหมหลาย ๆ ครั้ง เพิ่มความร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบเดือด (๙๐-๙๕ "C) หมั่นพลิกหรือคนให้ทั่ว และย้อมต่อที่ความร้อนนี้อีกประมาณ ๒๐ นาที แล้วนำฝ้ายที่มัดขึ้นล้างน้ำให้สะอาด บิดหมาดแล้วตากในที่ร่มมีลมผ่าน 
             การแก้ปอมัดหมี่
         การแก้ปอมัดหมี่คือนำหมี่ที่มัดเสร็จเรียบร้อยและถอดออกจากหลักหมี่แล้วนำไปแช่น้ำให้เปียก บิดให้หมาดนำไปย้อมสีครามล้างสีให้สะอาด จึงนำมาแก้ปอมัดหมีพาดราวกระตุกให้เรียงเส้นผึ่งให้แห้งได้ฝ้ายมัดหมี่ การปันหลอดและการกรอเส้นไหมเข้าหลอดนำฝ้ายมัดหมื่คล้องใส่กง ซึ่งวางอยู่ระหว่างตีนกง ๑ คู่ หมุนกงคลายฝ้ายออกจากกงพันเข้าหลอดไม้ไผ่เล็ก ๆ ที่เสียบแน่นอยู่กับเหล็กไนของหลา ความยาวของหลอดไผ่สัมพันธ์กันกับกระสวยทอผ้า เมื่อหมุนกงล้อไม้ไผ่ของหลาเหล็กไน และหลอดจะหมุนเอาเส้นฝ้ายจากกงพันรอบแกนหลอดไม้ไผ่ไห้ได้จำนวนเส้นฝ้ายพอเหมาะกับขนาดของร่องกระสวยทอผ้า โดยการนำหัวมัดหมี่ที่แกะเชือกฟางออกแล้วใสในกง เพื่อกรอเส้นไหมเข้าอัก จากนั้นทำการกรอเส้นไหมจากอักเข้าหลอดด้ายด้วยไน ซึ่งจะต้องเรียงลำดับหลอดด้ายตามหลายลายสีที่ออกแบบไว้ 
            การทอผ้ามัดหมี่
           การทอผ้าไหมจะเริ่มเมื่อเตรียมฟืมและเส้นพุ่งเสร็จแล้ว โดยใช้หลอดด้ายที่เรียงลำดับเฉดสี หรือลายไว้แล้วใส่ในกระสวย เพื่อทอด้วยการพุ่งกระสวยผ่านร่องสลับของลำไหมไปมาซ้ายขวาจนสุดเส้นยืนยืน 

 

          กลุ่มทอผ้าแม่บ้านวัดพระพุทธ


          กลุ่มทอผ้าแม่บ้านวัดพระพุทธ ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นกลุ่มชาวบ้านบริเวณวัดพระพุทธ ที่มีภูมิปัญญาดั้งเดิมด้านการทอผ้าขาวม้า ในอดีตได้นำผ้าขาวม้า ๗ สี มาปูรองพระบาทเพื่อรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ ๙ เมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมราษฎรในอำเภอตากใบ และในครั้งนั้นชาวบ้านได้รับพระราชทานกำลังใจและให้ฟื้นฟูการทอผ้าขาวม้าขึ้นมาอีกครั้ง โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงรับไว้ในโครงการพระราชดำริและมีการจัดตั้งเป็นศูนย์ศิลปาชีพฯวัดพระพุทธขึ้นในเวลาต่อมา เพื่อเป็นการอนุรักษ์ลายผ้าดั้งเดิมและสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ สำหรับจุดเด่นของผ้าขาวม้ามงคล ๗ สี ของกลุ่มทอผ้าแม่บ้านวัดพระพุทธคือการออกแบบให้ผ้าทอชนิดผ้าขาวม้า สามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย เช่น การนำไปคลุมไหล่ นำไปตัดเย็บเป็นเสื้อ กระเป๋า ที่สามารถนำมาใช้งาน และถือได้ว่าผ้าขาวม้ามงคล ๗ สี สามารถนำไปประกอบงานบุญได้ เพื่อความเป็นสิริมงคลในพิธีต่าง ๆ  ผลิตภัณฑ์ดีไซน์ใหม่ของกลุ่มคือลายก้นหอยที่มีสีที่ถักทอถึง ๗ สี ทำให้โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร  ผ้านิ่ม สีไม่ตก ผ้าไม่หด และแฝงไปด้วยลวดลายที่สวยงาม ลายก้นห้อยนั้นนับว่าเป็นลวดลวยที่เป็นภูมิปัญญาการทอผ้าที่ได้รับการสืบทอดมาของบรรพบุรุษในท้องถิ่นอย่างที่แท้จริง ปัจจุบันทางกลุ่มมีสินค้าจัดจำหน่ายอยู่ ๓ ชนิด คือ ผ้าขาวม้า ผ้าพันคอและผ้าตัดเสื้อลายขอประยุกต์  งานผ้าทุกชิ้นเป็นงานที่สมาชิกในกลุ่มทำด้วยใจรัก จึงใส่ใจในการถักทอจนได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นงานที่มีความละเอียด และปราณีต โดยที่ผ้าขาวม้า ๑ ผืน ต้องใช้ผู้ทอที่มีประสบการณ์ ใช้ระยะเวลาทอประมาณ ๑ วัน ส่วนผ้าพันคอทอได้วันละ ๒ ผืน โดยราคาของผ้าขาวม้าเจ็ดสีอยู่ที่ ๓๕๐ บาท ผ้าพันคอ ๒๕๐ บาท และผ้าตัดเสื้อลายขอประยุกต์นั้นราคา ๖๐๐ บาท  
                นางอนงค์ แดงนำ ประธานกลุ่มศิลปาชีพทอผ้าวัดพระพุทธ ได้เล่าถึงความเป็นมาของกลุ่มศิลปาชีพทอผ้าวัดพระพุทธ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ควรค่าต่อความซาบซึ้งและจดจำ โดยย้อนไปในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ได้มีหมายกำหนดการเสด็จเยี่ยมเยียนประชาชนที่วัดพระพุทธ ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ขณะนั้นพระครูไพโรจน์ ศาสนกิจ ได้แสวงหาผ้าเพื่อนำมาใช้ปูสำหรับลาดพระบาทและที่ประทับของทั้งสี่พระองค์ เมื่อพระองค์ท่านได้ทอดพระเนตรก็ทรงพอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นผ้าทอพื้นเมือง จึงได้มีพระราชดำรัสให้พระครูไพโรจน์ ศาสนกิจ ได้ฟื้นฟูการทอผ้า โดยการใช้กี่กระตุกสมัยใหม่ ที่จะทำให้สามารถทอผ้าได้เร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้น และยังทำให้ราษฎรมีรายได้เสริมหลังจากที่ว่างเว้นจากการทำนา ซึ่งในระยะแรกนั้นมีสมาชิกเพียง ๑๗ คน ต่อมามีการขยายโรงทอผ้า และเพิ่มสมาชิกเรื่อยมา ปัจจุบันนี้มีสมาชิกรวมทั้งสิ้น ๖๘ คน โดยเป็นคนในชุมชนและจากพื้นที่หมู่บ้านใกล้เคียง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ได้ส่งเสริมให้เกิดกลุ่มทอผ้าวัดพระพุทธแห่งนี้ขึ้น และยังช่วยเหลือให้กลุ่มเข้าร่วมกับทางโครงการส่งเสริมศิลปาชีพอันเนื่องมาจากพระราชดำริทำให้สมาชิกกลุ่มมีรายได้เสริม ไม่ต้องออกไปทำงานนอกพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจสั่งซื้อสินค้าสามารถติดต่อที่เบอร์โทรศัพท์หรือไลน์หมายเลข ๐๘๖-๒๙๑๙๙๓๒ คุณอนงค์ แดงนำ ประธานกลุ่มทอผ้าวัดพระพุทธ  ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส


ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อ/สถานที่/เรื่อง
ผ้าทอนราธิวาส
ที่อยู่
จังหวัด
นราธิวาส


วีดิทัศน์

บรรณานุกรม

มารีนี กอรา. (2563). ภูมิปัญญาผ้าทอมัดหมี่ลวดลายเอกลักษณ์ถิ่นสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอนราธิวาส สินค้าดี ลวดลายเดิกลุ่มสตรีผ้าทอตะปอเยาะ
                 อำเภอยิ่งอ จังหวัดนราธิวาส, วารสารการพัฒนาชายแดนใต้,2(2), 80-85.


รูปภาพ
 
      Font Size  
Back to Top
Khunying Long Athakravisunthorn Learning Resources Center
Prince of Songkhla University ©2018-2025