พิธีบวงสรวงพระพุทธเจ้าหลวง
 
Back    07/05/2024, 17:33    192  

หมวดหมู่

ความเชื่อ


ประวัติความเป็นมา


ภาพจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง                 

              พิธีบวงสรวงพระพุทธเจ้าหลวง ที่บริเวณหัวแหลมบ้านเขาชัน หมู่ ๗ ตำบลเกาะหมาก อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง เป็นเป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นมาช้านาน (ปี ๒๕๖๗ ครบ ๑๓๕ ปีที่พระองค์ท่านได้เสด็จประพาสและประทับแรม ณ หมู่เกาะสี่เกาะห้า ตำบลเกาะหมาก อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง) จากที่หมู่เกาะสี่เกาะห้าเป็นแหล่งของรังนกนางแอ่น ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ เป็นแหล่งรายได้ของประเทศ ดังนั้นก่อนจะมีการเก็บรังนกทุกครั้ง ก็จะมีพิธีกรรมบวงสรวงเทวดา เจ้าเขา เจ้าควน ไหว้เทวดา เจ้าที่เจ้าทางตาโส ยายสา ที่อาศัยอยู่ภายในเกาะ รวมไปถึงการบวงสรวงที่เป็นการรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) โดยก่อนจะขึ้นเก็บรังนกแต่ละครั้ง บริษัทผู้รับสัมปทานจะมีพิธีกรรมบวงสรวงโดยผู้ที่จะทำการเก็บรังนกเป็นผู้ทำพิธีกรรม เพื่อเป็นการขอพรและเป็นการบนบานให้การเก็บรังนกสมบูรณ์ครบถ้วน ให้แคล้วคลาดปลอดภัยและราบรื่นไปด้วยดี ซึ่งเมื่อก่อนการเก็บรังนกจะมีการเก็บทั้งหมด ๓ ครั้งต่อปี โดยครั้งแรกจะเก็บประมาณเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ เก็บครั้งที่ ๒ ประมาณเดือนเมษายน-เดือนพฤษภาคม และครั้งที่ ๓ ประมาณเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งหลังจากเก็บรังนกเสร็จสิ้นในแต่ละครั้งนั้น ก็จะปิดเกาะประมาณ ๓-๔ เดือน และครั้งสุดท้ายหลังจากการเก็บรังนกเสร็จ ก่อนจะมีการออกเกาะก็จะมีพิธีบวงสรวงใหญ่อีกครั้ง โดยจะมีการตั้งบวงสรวงเครื่องเซ่นไหว้ มีการทำพิธีด้วยหมอ ชาวบ้าน และนิมนต์พระมาทำพิธีในการบวงสรวง ซึ่งจะมีการทำพิธี ๒ วัน ๑ คืน จะมีการละเล่นหนังตะลุง มโนราห์ เป็นการแก้บนที่ได้ทำการจัดเก็บรังนกที่ผ่านมาได้ราบรื่น ครบสมบูรณ์ แคล้วคลาดปลอดภัย เมื่อเสร็จสิ้นพิธีกรรมต่าง ๆ ก็จะมีการออกจากเกาะ หลังจากนั้นจะมีการเข้าเกาะมาเก็บรังนกอีกครั้งในประมาณเดือนมกราคมของปีถัดไป
             จากบทความของชาลิสา ทองขาวเผือก (๒๕๖๕) กล่าวว่า ... รังนกอีแอ่นหรือนางแอ่นเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญต่อหัวเมืองปักษ์ใต้ ของราชอาณาจักรไทยมาช้านาน นับเน่ืองมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ จากประวัติศาสตร์ของเจ้าเมืองสงขลา (ต้นตระกูล ณ สงขลา) ซึ่งมีความดีความชอบจากการคุมเงินส่วนรังนกและอากรรังนก (อ้างจากองค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๑๑; หอพระสมุดวชิรญาณ, ๒๓๕๗) ในปี พ.ศ. ๒๓๖๗ สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) ทางราชการกำหนดให้การมีสัมปทานรังนกขึ้น โดยหมู่เกาะสี่เกาะห้าก็ถูกกำหนดให้อยู่ในเขตสัมปทานรังนกด้วย (อ้างจาก ญาดา ประภาพันธ์, ๒๕๒๔) ต่อมาทางราชการได้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดเกาะที่นกอีแอ่นทำรังอยู่ตามธรรมชาติเป็นเขตห้าม พุทธศักราช ๒๔๘๕ จึงมีการกำหนดพื้นที่เกาะต่าง ๆ ในบริเวณหมู่เกาะห้าเป็นเขตห้ามหรือหวงห้ามของรัฐไว้ ๕ เกาะ ได้แก่ เกาะรูสิม เกาะหน้าเทวดา เกาะกันตัง เกาะตาโส และเกาะยายโส (ราชกิจจานุเบกษา, ๒๔๘๕ อ้างถึงใน ธรรมรงค์ อุทัยรังสี, ๒๕๔๒) แต่ก็ยังมีเกาะที่นกนางแอ่นทำรังอยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งไม่ได้ระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว อยู่อีก ๒ เกาะ คือเกาะท้ายถ้ำดำและเกาะรอก ตรงกับข้อความบางตอนที่ปรากฏในจดหมายเหตุเสด็จประพาสแหลมมลายู ร.ศ. ๑๐๘ เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสหมู่เกาะสี่เกาะห้า และเมืองพัทลุง เมื่อวันที่ ๒๒-๒๘ กรกฎาคม ๒๔๓๒ (หอพระสมุดวชิรญาณ, ๒๔๖๘) หมู่เกาะสี่เกาะห้านั้นมีสภาพภูมิศาสตร์โดยทั่วไปเป็นหมู่เกาะหินปูนมีเนินเขาและควนสูง ที่ราบมีน้อยมาก เขาที่สำคัญคือเขาค้างคาวบนเกาะหน้าเทวดา ในจำนวนเกาะใหญ่เกาะน้อยเหล่านี้เกาะท้ายถ้ำดำนับว่าเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีเนื้อที่ประมาณ ๒,๐๐๐ ไร่ เกาะเหล่านี้จะมีถ้ำอยู่ประมาณ ๒๐๐ ถ้ำ ถ้ำเหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัยของนกนางแอ่น นับตั้งแต่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติรังนกอีแอ่น พุทธศักราช ๒๕๔๐ จังหวัดพัทลุง เป็นท้องถิ่นหนึ่งที่ได้รับผลประโยชน์จากอากรรังนกอีแอ่นอ
                  พิธีบวงสรวงพระพุทธเจ้าหลวง เป็นพิธีสักการะพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประดิษฐานอยู่บนหน้า
ผาเทวดา หมู่เกาะสี่เกาะห้า ตำบลเกาะหมาก อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง จากเหตุการณ์เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๒ (ร.ศ. ๑๐๘) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ได้เสด็จประพาสทะเลสาบ และหมู่เกาะสี่ เกาะห้า เมื่อวันที่ ๒๒-๒๔ กรกฎาคม ๒๔๓๒ พระองค์ท่านได้ประทับแรมที่พลับพลาหน้าเขาเทวดา เกาะมวย และเสด็จถ้ำในเกาะต่าง ๆ เช่น ถ้ำหลี ถ้ำแรงวัว ถ้ำเสือ ถ้ำแรด ถ้ำลูชิม และเขาชัน การเสด็จครั้งนั้นได้ทรงจารึกอักษร "จ.ป.ร. ศักราช ๑๐๘” ไว้ที่หน้าผาเขาหน้าเทวดา (เกาะมวย) จากรายละเอียดที่ปรากฎในหนังสือจดหมายเหตุพระบาทสมเด็จฯพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสแหลมมาลายูคราว ร.ศ.๑๐๗ และ ร.ศ. ๑๐๘” ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ สรุปได้คือ

วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒) เสด็จออกจากกรุงเทพ ทางเรือ
วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒) ถึงสงขลาเสด็จประพาสตลาด และวัดมัชฌิมมาวาส
วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒) ชาวสงขลาเฝ้ารับเสด็จ
วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒) เสด็จทะเลสาบ ทอดพระเนตรป้อมเขาแดง (ปากอ่าว) และป้อมค่ายม่วงที แหลมสน คอกช่องเขาเขียว      กับเกาะยอ ผ่านคลองปากรอ (ที่กอดกิ่ว) ผ่านปากพะยูน เกาะปราบ แล้วจึงถึงหมู่เกาะรังนก ประทับที่พลับพลาเกาะมวย
วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒) ประพาสหน้าพลับพลาและถ้ำใหญ่ จากถ้ำใหญ่เสด็จไปเกาะพระเที่ยงถ้ำยูหลี จากนั้นไปถ้ำแรงวัวและ    ถ้ำลูชิมบนเกาะดำ และไปถ้ำเสือ ถ้ำแรกท้ายเกาะมวย แล้วทอดพระเนตรเกาะเข็ม
วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒) เสด็จเขาชัน ซึ่งเป็นเกาะใหญ่อยู่หลังเกาะสี่ เกาะห้า มีการไล่กระจง
วันที่ ๒๕-๒๖ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒) เสด็จเมืองลุง
วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒) จากเมืองลุงถึงเกาะสี่ เกาะห้า ประทับแรม
วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒) ออกจากเกาะสี่ เกาะห้าถึงเมืองสงขลา

                  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสหมู่เกาะในทะเลสาบสงขลา โดยเรือกลไฟทอนิครอฟต์ลากจูงเรือพระที่นั่ง เรือกลไฟเซนต์ยอชลากเรือเจ้านายและเรือผ้านุ่งห่ม เรือกลไฟยาโรจูงเรือเครื่อง ในระหว่างวันที่ ๒๒-๒๕ กรกฎาคม ๒๔๓๒ และทรงประทับแรม ณ พลับพลาที่ประทับเกาะมวย และในวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ๑๐๘ ไว้ ดังปรากฏความในพระราชหัตถเลขาฉบับที่ ๒ ในพระราชหัตถเลขาเรื่องเสด็จประพาสแหลมมลายูตอนหนึ่งว่า.. 
                   "วันที่ ๒๔ เดิมคิดว่าจะไปเมืองพัทลุงในวันนี้ แต่ครั้นเมื่อเวลาวานซืนได้ความว่า ที่เมืองพัทลุงทำไว้แต่พลับพลาประทับร้อน เมื่อวานนี้จึงได้ให้พระมหาอรรคนิกรคุมเตนท์ขึ้นไปตั้งจึงพักอยู่ที่นี่พอได้เวลาทำการเวลาหนึ่ง ครั้นเวลาสายพระยาพัทลุง (เนตร) ลงมาแจ้งว่าได้ทำพลับพลาไว้ใหญ่โตพร้อมแล้วเป็นแต่ยังสงสัยเล็กน้อย นำแผนที่มาให้แก้ไข ได้จารึกอักษร จ.ป.ร. และศักราช ๑๐๘ ไว้ที่หน้าเพิงศาลเทวดาแห่งหนึ่งซึ่งเป็นหินปูนเราะง่าย แล้วลงเรือไปที่เขาชันเป็นเกาะใหญ่ของเมืองพัทลุง อยู่หลังเกาะสี่เกาะห้า ระยะทางชั่วโมงหนึ่ง”
              พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานอยู่หน้าเพิงผาจารึกอักษรพระนาม (หน้าเทวดา) บนเกาะมวย มีลักษณะเป็นพระบรมรูปหล่อด้วยโลหะ ทรงฉลองพระองค์ในชุดพลเรือนขนาดความสูง ๑๘๐ เซนติเมตร ฐานและแท่นประดิษฐานสูง ๓ เมตร องค์พระบรมรูปออกแบบและปั้นโดยนายเชิดชัย ศิริโภคา ชาวอำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง ส่วนฐานออกแบบโดยสำนักงานโยธาธิการจังหวัดพัทลุง การดำเนินการนี้จังหวัดพัทลุงได้อนุมัติโครงการและขออนุญาตการก่อสร้าง ไปยังกรมศิลปากรตามหนังสือด่วนมากที่ พท ๐๐๑๕.๑/๑๑๙๐ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๓๘ และกรมศิลปากรได้เห็นชอบในหลักการจัดสร้างตามหนังสือที่ ศธ ๐๗๑๓/๓๔๓๒ ลงวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๓๘ ต่อมาอำเภอปากพะยูนได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๓๘ ตรงกับวันแรม ๔ ค่ำ เดือน ๙ เวลา ๑๐.๓๐ น. (ราชาฤกษ์) โดยมีนายประสิทธิ์ พรรณพิสุทธิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานในพิธี และได้ประกอบพิธีประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีชวด เวลา ๑๕.๐๐ น. ในทุก ๆ ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ องค์การบริหารบริหารส่วนตำบลเกาะหมาก ร่วมกับหน่วยงานราชการ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งพสกนิกรในตำบลเกาะหมาก อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง จึงได้พร้อมใจกันจัดงานย้อนรอยประวัติศาสตร์ "ตามรอยพระพุทธเจ้าหลวง”  ในระหว่างวันที่ ๒๓-๒๖ กรกฎาคม ของทุก ๆ ปี ซึ่งได้เริ่มจัดขึ้นตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นปีแรก จนถึงปีปัจจุบัน โดยพิธีบวงสรวงจะมีขึ้นในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ ๒๔ กรกฎาคม และจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ รณรงค์ให้ผู้ร่วมงานแต่งกายชุดไทย มีการลงเรือเพื่อไปทำพิธีกรรมบวงสรวงทางศาสนาพราหมณ์-ฮินดู บนเกาะ และมีการทำพิธีกรรมบวงสรวงทางศาสนาพุทธที่บนฝั่ง การแสดงศิลปวัฒนธรรม เช่น หนังตะลุง มโนราห์ การจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน
                พิธีกรรม
                 สำหรับพิธีบวงสรวงพระพุทธเจ้าหลวง มีลำดับขั้นตอนของพิธี ดังนี้                 

ลำดับที่ ๑ การเตรียมและจัดวางเครื่องบวงสรวง
ลำดับที่ ๒ ข้าราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่ พ่อค้าประชาชน พร้อมกันในพิธี
ลำดับที่ ๓ ประธานในพิธีจุดเครื่องทองน้อย
ลำดับที่ ๔ แขกผู้มีเกียรติวางพวงมาลา
ลำดับที่ ๕ ประธานวางพวงมาลาข้อพระกร
ลำดับที่ ๖ ประธานกล่าวคำสดุดี
ลำดับที่ ๗ ดนตรีบรรเลงเพลงสดุดี
ลำดับที่ ๘ เริ่มประกอบพิธีบวงสรวง โดยเจ้าหน้าที่พราหมณ์
๘.๑ กล่าวขอพระบรมราชานุญาต หน้าพระบรมรูปสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
๘.๒ ประธานจุดเครื่องบูชาพิธีบวงสรวง พร้อมพราหมณ์และแขกผู้มีเกียรติ
๘.๓ กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย
๘.๔ ชุมนุมเทวดา
๘.๕ แขกผู้มีเกียรติใช้ดอกกุหลาบธูปเทียน ทำการขอขมา และขอพร
๘.๖ กรวดน้ำ ลาพระ
ลำดับที่ ๙ รำมโนราห์ถวายสักการะ
ลำดับที่ ๑๐ ลาเครื่องราชสักการะบวงสรวง
ลำดับที่ ๑๑ ประธานทำการหยิบเครื่องบวงสรวง
ลำดับที่ ๑๒ จุดประทัด โปรดข้าวตอกดอกไม้

               ความเชื่อที่เกี่ยวข้อง
              หลังจากเก็บรังนกเสร็จสิ้นในแต่ละครั้งนั้นก็จะปิดเกาะประมาณ ๓-๔ เดือน และครั้งสุดท้ายหลังจากการเก็บรังนกเสร็จก่อนจะมีการออกเกาะก็จะมีพิธีบวงสรวงใหญ่อีกครั้ง โดยจะมีการตั้งบวงสรวงเครื่องเซ่นไหว้ มีการทำพิธีด้วยหมอ ชาวบ้าน และนิมนต์พระมาทำพิธีในการบวงสรวง ซึ่งจะมีการทำพิธี ๒ วัน ๑ คืน จะมีการละเล่นหนังตะลุง มโนราห์ เป็นการแก้บนที่ได้ทำการจัดเก็บรังนกที่ผ่านมาได้ราบรื่น ครบสมบูรณ์ แคล้วคลาดปลอดภัย เมื่อเสร็จสิ้นพิธีกรรมต่าง ๆ ก็จะมีการออกเกาะ หลังจากนั้นจะมี การเข้าเกาะมาเก็บรังนกอีกครั้งในประมาณเดือนมกราคมของปีถัดไป


ความสำคัญ


 

ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ถวายราชสดุดีแก่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๕
ภาพจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง

      การจัดพิธีบวงสรวงพระพุทธเจ้าหลวง ขึ้นเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน จากการเสด็จประพาสและประทับแรม ณ หมู่เกาะสี่ เกาะห้าตำบลเกาะหมาก อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ในครั้งนั้น จึงถือเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การจดจำไว้อย่างยิ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรก ที่ได้ทรงเสด็จเยี่ยมพสกนิกรไพร่ฟ้าของแผ่นดินถึงถิ่นเมืองพัทลุง ที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงมาก และการเสด็จประพาสหัวเมืองภาคใต้เต็มไปด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง เพราะการคมนาคมไม่สะดวกเช่นทุกวันนี้ นอกจากกิจกรรมที่จัดขึ้นดังกล่าว ผู้มาเที่ยวงานยังสามารถไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ที่พระพุทธเจ้าหลวงได้เคยเสด็จประพาส อันได้แก่ เขาชัน เกาะสี่-เกาะห้า ที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งขุมทรัพย์ของจังหวัดพัทลุง เพราะบนเกาะแห่งนี้ เป็นเกาะรังนกที่มีมูลค่ามหาศาล และธรรมชาติของเกาะก็มีความงดงามมาก อีกแห่งหนึ่งคือที่หาดแสนสุขลำปำ อำเภอเมืองพัทลุง ที่ซึ่งเคยเสด็จประทับแรมใกล้ ๆ กันก็มีวังเจ้าเมืองพัทลุง พิพิธภัณฑ์แห่งประวัติศาสตร์ วัดวัง เขาอกทะลุ ถ้ำมาลัยเทพนิมิต วัดคูหาสวรรค์ ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่น่าศึกษาและน่าเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง


ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อ/สถานที่/เรื่อง
พิธีบวงสรวงพระพุทธเจ้าหลวง
ที่อยู่
จังหวัด
พัทลุง


บรรณานุกรม

ชาลิสา ทองขาวเผือก. (2565). พิธีบวงสรวงพระพุทธเจ้าหลวง. สืบค้น 7 พ.ค. 67, จาก https://www2.m-culture.go.th/
              phatthalung/ewt_news.php?nid=3874&filename=content_Jpp
องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะหมาก. (2564). ตามรอยศาสตร์พระราชา. พัทลุง : องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะหมาก.


รูปภาพ
 
      Font Size  
Back to Top
Khunying Long Athakravisunthorn Learning Resources Center
Prince of Songkhla University ©2018-2024