วัดเสนานุชรังสรรค์
 
Back    25/09/2025, 13:42    23  

หมวดหมู่

สถานที่ทางศาสนา


ประวัติความเป็นมา


ภาพจาก :https://link.psu.th/gAmdQT

          วัดเสนานุชรังสรรค์ พระอารามหลวง เดิมเรียกว่า "วัดใหม่กำแพง" เนื่องจากมีกำแพงที่สร้างด้วยอิฐถือปูน สูง ๒ เมตร ทั้ง ๔ ด้าน ตามประวัติวัดแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา (พิธีสาบานตนของพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการเพื่อแสดงความจงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่อพระมหากษัตริย์) ภายในวัดพบพระพุทธรูปเก่าแก่ภายในอุโบสถ อีกทั้งเป็นที่ตั้งรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้เก่าแก่ในอดีต  วัดเสนานุชรังสรรค์สร้างเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๙๐ ในสมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระยาเสนานุชิต สิทธิสาตรามหาสงคราม (นุช ณ นคร)  ผู้สำเร็จราชการเมืองตะกั่วป่า มีเรื่องเล่าว่าหลังจากที่ได้สร้างเมือง ที่ว่าการเมือง และที่จวนเจ้าเมืองแล้ว เมื่อท่านพระยาเสนานุชิต (นุช ณ นคร) ก็ดำริที่จะสร้างวัดเพื่อเป็นเกียรติยศและเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนาให้ถาวรในเมืองตะกั่วป่า และเห็นว่าพื้นที่ที่เชิงเขาฉมังคีรี ตำบลตลาดเหนือ ใกล้สำนักสงฆ์ วัดควนป้อมเป็นที่ว่างเปล่า มีอาณาบริเวณกว้างพอสมควร จึงจัดการขุดดินเกลี่ยพื้นที่ควนทางด้านตะวันออกให้ราบลง ก่อกำแพงด้วยอิฐถือปูนสูง ๒ เมตร มีประตู ๔ ประตู คือ ทางด้านตะวันตก ตะวันออก ด้านละ ๒ ประตู แล้วสร้างพระอุโบสถขึ้นตอนกลางตามแบบของวัดมหรรณพาราม และพระประธานองค์หนึ่งหล่อด้วยโลหะ หน้าตักกว้างประมาณ ๒ ศอกคืบ และศาลาการเปรียญ ๒ หลัง สร้างกึ่งถาวรพื้นก่อด้วยอิฐ เสาไม้แก่น มุงสังกะสี ปัจจุบันศาลาทางด้านใต้ ดัดแปลงเป็นศาลาบำเพ็ญกุศล ส่วนด้านทิศเหนือสร้างเป็น กุฏิสงฆ์สองชั้นกึ่งถาวรเฉพาะอุโบสถครั้งแรกมุงด้วยกระเบื้องเกล็ด ๓ ชั้น ต่อมาหลังคาพังทลายลง ทางวัดจึงได้ซ่อมหลังคาใหม่ โดยมุงด้วยสังกะสี ปัจจุบันศาลาการเปรียญทางทิศใต้ดัดแปลงเป็นศาลาบำเพ็ญกุศล ส่วนศาลาทางด้านทิศเหนือสร้างเป็นกุฏิสงฆ์ ๒ ชั้นกึ่งถาวร วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๙ มีเขตวิสุงคามสีมากว้าง ๒๐.๒๕ เมตร ยาว ๑๐ เมตร ผูกพัทธสีมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๑            
     


โบราณสถาน/โบราณวัตถุ

         พระอุโบสถ
 

         พระอุโบสถ มีสีขาวกรอบวงกบหน้าต่างสีแดงดูโบราณ ภายในประดิษฐารพระพุทธรูปเก่าแก่ชมความงดงามของพระอุโบสถที่สร้างขึ้นตามแบบวัดมหรรณพาราม กรุงเทพฯ ภายในมีพระประธานศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ พระพุทธรูปหินอ่อนสีขาวศิลปะพม่า ตู้พระธรรมปิฎก และชันราหู พระอุโบสถก่อสร้างแบบก่ออิฐถือปูน ลักษณะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีเสาสี่เหลี่ยมโดยมีรอบกว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๓๑ เมตร มีระเบียงโดยรอบเดิมมีหลังคาซ้อนกัน ๓ ชั้น เป็นสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ ก่อสร้างตามแบบพระราชนิยมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) ซึ่งได้รับอิทธิพลจากจีน มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก่อฐานแยกพื้นข้างในประธาน และชาลารอบตัวอาคารสูงกว่าระดับดิน ริมชาลาก่อเสารายเป็นเสาสี่เหลี่ยมขึ้นไปรับพาไลทั้งสี่ด้าน หลังคามุงด้วยกระเบื้องเกร็ดสามชั้น ต่อมาหลังคาได้หักพังลงมาทางวัดได้จัดการซ่อมขึ้นใหม่โดยลดลงเสียชั้นหนึ่งแล้วมุงด้วยสังกะสี ลักษณะดังกล่าวยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน สำหรับพื้นภายในปูด้วยกระเบื้องเคลือบเป็นของที่ปรับปรุงขึ้นใหม่  วัดได้รับการลงทะเบียนเป็นโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยกรมศิลปากร ตามประกาศวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๓ ตอนพิเศษ ๕๐ ง วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๙


พระประธานภายในพระอุโบสถ


ปูชนียบุคคล

           พระยาเสนานุชิต สิทธิสาตรามหาสงคราม (นุช ณ นคร)


ภาพจาก : https://www.youtube.com/watch?v=c8YX171umAY&t=1s

         พระยาเสนานุชิต สิทธิสาตรามหาสงคราม  (นุช ณ นคร) นามเดิมของท่านเท่าที่ปรากฏในเอกสารต่าง ๆ เขียนเป็น นุด บ้าง นุช บ้าง ท่านเป็นบุตรคนที่เจ็ดในจำนวนบุตรธิดา ๓๕ คนของเจ้าพระยานคร (น้อย) เป็นน้องร่วมมารดาของพระยาบริรักษ์ภูธร (แสง) เคยถวายตัวเป็นมหาดเล็ก เมื่อเจ้าพระยานคร (น้อย) ตีเมืองไทรบุรีได้คราวแรก ได้ให้พระยาบริรักษ์ภูธร (แสง) บุตรชายตั้งแต่ครั้งเป็นพระภักดีบริรักษ์เป็นผู้รักษาเมือง ให้พระยาเสนานุชิต (นุช) ตั้งแต่ยังไม่มีบรรดาศักดิ์อยู่ช่วยรักษาเมืองด้วย เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) โปรดเกล้าฯ ให้พระภักดีบริรักษ์ (แสง) เป็นพระยาไทรบุรีแล้ว ให้โปรดเกล้าฯ ให้นายนุชมหาดเล็กเป็นพระเสนานุชิต ปลัดเมืองไทรบุรีด้วย เมื่อย้ายพระยาไทรบุรี (แสง) ไปเป็นผู้ว่าราชการเมืองพังงา ก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายพระยาเสนานุชิต (นุช) ไปเป็นปลัดเมืองพังงาด้วย ชีวิตของท่านจึงมีส่วนเกี่ยวพันกับเมืองพังงา ภายหลังเมื่อตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองตะกั่วป่าว่าง จึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการเมืองตะกั่วป่า เป็นที่พระยาเสนานุชิต ตามประวัติกล่าวว่าเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๓๘๔ เจ้าเมืองตะกั่วป่าคือพระยศภักดีหรือพระยาตะกั่วป่า ได้ถึงแก่อสัญกรรมลง จึงโปรดเกล้าให้พระเสนานุชิต (นายนุช ณ นคร) ปลัดเมืองพังงา มาเป็นผู้รักษาราชการ (เจ้าเมือง) เมืองตะกั่วป่าในปี พ.ศ. ๒๓๘๖ พระเสนานุชิต (นุช) เห็นว่าเมืองตะกั่วป่าเดิมถูกพม่าเผาทำลายจนยากที่จะบูรณะให้กลับคืนดังเดิมได้ จึงได้ย้ายเมืองตะกั่วป่าไปตั้งขึ้นใหม่ ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองตะกั่วป่าเดิม คือที่บริเวณถนนอุดมธาราในปัจจุบัน
         
พระเสนานุชิต (นุช ) มีความดีความชอบที่ได้ยกกองทัพไปปราบปราบเมืองไทรบุรี ที่ก่อการกบถจนสงบราบคาบ และได้ธิดาพระยาไทรบุรีเป็นภรรยาคือหม่อมหวัน เป็นชาวอิสลาม เมื่อมาเป็นเจ้าเมืองตะกั่วป่า จึงได้นำเอาญาติ ๆ ของหม่อมหวัน ให้เข้ามาตั้งหลักแหล่งที่บ้านบางกรักใน บ้านบางกรักกลาง และบ้านบางกรักนอก สืบสกุลมีบุตรหลานจนถึงปัจจุบัน เมื่อหม่อนหวันถึงแก่อสัญกรรมศพได้ถูกนำไปฝังไว้ ณ เกาะเสม็ด มีหลักฐานปรากฏอยู่จนปัจจุบัน พระเสนานุชิต (นุช) เมื่อมาเป็นเจ้าเมืองตะกั่วป่าได้บูรณะเมืองตะกั่วป่าขึ้น โดยก่อสร้างจวนที่พัก (จวนเจ้าเมืองที่ปรากฏอยู่ ณ ถนนอุดมธาราในปัจจุบัน) ที่พักกรมการเมือง บ้านเรือน (ทรงชิโนโปรตุกีส) ในตลาดใหญ่ รวมรวมผู้คนที่หลบหนีกองทัพพม่าไปอยู่ตามป่าเขา ให้กลับเข้ามาตั้งบ้านเรือนในตัวเมือง (ตลาดใหญ่) เมืองตะกั่วป่าในยุคนี้มีความเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว ปี พ.ศ. ๒๓๙๐ ได้สร้างวัดใหม่กำแพงหรือวัดเสนานุชสังสรรค์หรือวัดใหม่ในปัจจุบัน พระเสนานุชิต (นุช) บูรณะพัฒนาเมืองตะกั่วป่าเป็นเวลา ๙ ปี จึงได้รับการโปรดเกล้าให้เป็น “พระยาเสนานุชิต” (นุช) เป็นเจ้าเมืองตะกั่วป่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๓๘๖-๒๔๒๔ จนอสัญกรรม ชาวเมืองตะกั่วป่ายุคนั้นเรียกท่านว่า “เจ้าคุณเฒ๋า” เจ้าเมืองตะกั่วป่าท่านต่อมาคือพระยาเสนานุชิต (เอี่ยม) บุตรชายหัวปี พระยาเสนานุชิต (นุช) มีบุตรธิดา รวมทั้งสิ้น ๕๘ คน


ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อ/สถานที่/เรื่อง
วัดเสนานุชรังสรรค์
ที่อยู่
ถนนเพชรเกษม ตำบลท้ายช้าง อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา
จังหวัด
พังงา


วีดิทัศน์

บรรณานุกรม

หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ตรัง สารสนเทศท้องถิ่นภาคใต้ฝั่งอันดามัน. (2564). อุโบสถวัดเสนานุชรังสรรค์. สืบค้น 25 ก.ย. 68,
               https://link.psu.th/4CjrbH


รูปภาพ
 
      Font Size  
Back to Top
Khunying Long Athakravisunthorn Learning Resources Center
Prince of Songkhla University ©2018-2025