วัดหนองหอย (Wat Nhong Hoy)
 
Back    20/04/2018, 09:13    76  

หมวดหมู่

สถานที่ทางศาสนา


ประวัติความเป็นมา



ภาพจากเพจวัดหนองหอย ตาหลวงอินทร์ อ.สิงหนคร ; https://link.psu.th/gkHTK

               วัดหนองหอยแห่งนี้สร้างโดยพระอาจารย์เลื่อนเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๐ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลวัดขนุน อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๕ ไร่ ๒ งาน ๔๓ ตารางวา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๕ มีเขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๒๒ เมตร ยาว ๒๘ เมตร 


โบราณสถาน/โบราณวัตถุ

อุโบสถ


ภาพจากเพจวัดหนองหอย ตาหลวงอินทร์ อ.สิงหนคร ; https://link.psu.th/gkHTK

                 ลักษณะของอุโบสถเป็นรูปแบบนิยมของอุโบสถในพุทธศตวรรษที่ ๒๕ ฐานก่ออิฐถือปูน เดิมเป็นอุโบสถโถง ไม่มีฝาผนัง ครั้นเมื่อมีการบูรณะในปี พ.ศ.๒๔๗๗ จึงตีฝาไม้โดยรอบและเจาะช่องหน้าต่างเป็นบานพับเล็ก ๆ หลังคา ๒ ชั้น บริเวณหน้าบันอุโบสถตกแต่งด้วยลายปูนปั้นแสดงฝีมือช่างท้องถิ่นสงขลา ได้แก่ รูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณประกอบลายกระจังกับลายพรรณพฤกษา หน้าบันอีกด้านเป็นภาพพุทธประวัติมีลักษณะการสร้างภาพคล้ายกับภาพที่วิหารพระม้าในวัดบรมธาตุนครศรีธรรมราช อีกทั้งยังแสดงถึงการสร้างสรรค์จากแนวคิดหรือความเข้าใจในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง บริเวณแผ่นไม้รองรับหลังคาหน้าอุโบสถมีตัวอักษรกล่าวถึงศักราชของการสร้างและบูรณะอุโบสถว่า "โรงพระอุโบสถพระหนูได้จัดสร้างพระเลื่อนปฏิสังขรณ์เมื่อวันที่ ๒๕/๙/๒๔๗๗" ซึ่งเป็นหลักฐานที่สามารถใช้เทียบเคียงลักษณะของฝีมือช่างและรูปแบบสถาปัตยกรรมในช่วงนั้นได้  ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปหยกขาวศิลปะพม่า นอกจากนี้อุโบสถแห่งนี้ยังเป็นตัวอย่างของการใช้เจดีย์ ๘ องค์รอบอุโบสถแทนใบเสมาอีกด้วย


ปูชนียวัตถุ

  


ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อ/สถานที่/เรื่อง
วัดหนองหอย (Wat Nhong Hoy)
ที่อยู่
หมู่ที่ ๓ ตำบลวัดขนุน อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา
จังหวัด
สงขลา
ละติจูด
7.310059
ลองจิจูด
100.494332



บรรณานุกรม

พรทิพย์ พันธุโกวิท. (2555). ทำเนียบนามแหล่งมรดกทางศิลปวัฒนธรรม ในเขตพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (โบราณสถานจังหวัดสงขลา
                ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล). กรุงเทพฯ: บางกอกอินเฮ้าส์.

 

 


รูปภาพ
 
      Font Size  
Back to Top
Khunying Long Athakravisunthorn Learning Resources Center
Prince of Songkhla University ©2018-2024