ค่าขวัญจังหวัดชุมพร
ประตูภาคใต้ ไหว้เสด็จในกรม ชมไร่กาแฟ แลหาดทรายรี ดีกล้วยเล็บมือ ขึ้นชื่อรังนก
ชุมพรได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่ภาคใต้ มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น หาดทุ่งวัวแล่น หาดทรายรี เกาะทะลุ เป็นต้น จากการสํารวจทางโบราณคดีพบว่าในเขตจังหวัดชุมพรเคยมีผู้คนอาศัยอย่างน้อยเมื่อประมาณ ๓,๐๐๐ ปีล่วงมาแล้ว โดยพบเครื่องมือเครื่องใช้ของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เช่น ขวานหินขัดสมัยหินใหม่ที่คลองดอน และที่สถานีรถไฟเขาไชยราช อําเภอปะทิว เป็นต้น ชุมพรเป็นเมืองเก่าแก่ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๑๙๙๗ ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. ๒๔๓๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ได้โปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัด
คําว่า “ชุมพร” เป็นชื่อเมืองมาแต่โบราณตามตํานานการสร้างเมืองนครศรีธรรมราช ได้มีการสร้างเมืองสิบสองนักษัตร เมืองชุมพรเป็นเมืองหนึ่งในสิบสองนักษัตรเป็นปีมะแมถือตราแพะ และปรากฏหลักฐานแน่นอนว่ามีชื่อชุมพรมาแต่สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แห่งกรุงศรีอยุธยา ชื่อนี้มีความหมายหรือประวัติความเป็นมาโดยนัย ๓ ประการ ดังนี้
๑. เมืองชุมพรโดยสภาพแล้วเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของภาคใต้ เมื่อเกิดสงครามการสู้รบในสมัยโบราณในที่ต่าง ๆ เช่น พื้นที่แถบภาคใต้ของแหลมมลายู การยกทัพหลวงต้องยกมาทางบกและจะตั้งค่ายที่เมืองชุมพร ฉะนั้นการสงครามหรือการรบทุกครั้งไม่ว่าจะรบกับพม่าหรือปราบกบฏภายในราชอาณาจักรก็ตาม เมื่อยกทัพหลวงมาครั้งใดเมืองชุมพรก็ต้องเป็นที่ชุมนุมพล หรือชุมนุมกองทัพ ชาวชุมพรในสมัยโบราณได้ชื่อว่าเป็นนักรบ เมื่อพม่าได้เคลื่อนทัพเข้ามา ในดินแดนทางเหมืองท่าแซะและตําบลรับร่อ เจ้าเมืองจะเกณฑ์ไพร่พลเข้าป้องกันอย่างเข้มแข็ง โดยเมืองชุมพรต้องร่วมสมทบกับกองทัพหลวงด้วย จะเห็นได้ว่าเมืองชุมพรมีส่วนร่วมในการสงครามเกือบทุกครั้ง ตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี จนกระทั่งถึงสมัยรัตนโกสินทร์ จึงเชื่อกันว่าชุมพรมาจาก คําว่า “ประชุมพล” หรือ “ชุมนุมพล” นั้นเอง คําว่าประชุมพล แปลได้ความรวมกําลัง ทั้งนี้โดยเหตุที่ว่าก่อนจะยาตราทัพต้องมาประชุมพล หรือรวมกําลังออกเป็นหมวดหมู่ทุกครั้ง แต่คําว่าประชุมพลนี้เรียกผิดเพี้ยนไปจากเดิมจนกลายเป็น “ชุมพร” เพราะคนไทยทางใต้ชอบพูดคําสั้น ๆ จึงตัดคําว่า “ประ” ออกเสีย ส่วนคําว่าพลต่อมาใช้คําว่าพรแทน เพราะการเพี้ยนไปจากเดิมจึงกลายเป็น “ชุมพร” มาจนทุกวันนี้ |
๒. โดยเหตุที่ที่ตั้งเมืองเดิมอยู่บ้านประเดิมฝั่งขวาของคลองชุมพร ที่คลองชุมพรมีต้นไม้ชนิดหนึ่งอยู่ทั่วไปทั้งสองฟากคลองเรียกกันว่า “มะเดื่อชุมพร” ซึ่งเป็นพืชยืนต้น ใช้เปลือกและต้นทํายาสมุนไพร คลองชุมพรเดิมยังไม่มีชื่อภายหลังจึงถูกตั้งชื่อว่า “คลองชุมพร" ตามต้นไม้ไปด้วย เพราะตามปกติการตั้งชื่อท้องที่หรือแม่น้ําลําคลอง มักจะเรียกตามชื่อต้นไม้หรือตามสิ่งที่ปรากฏ ณ ที่นั้น |
๓. ชุมพรชื่อตามตัวอักษรที่แปลว่า "เป็นที่รวมของประเสริฐหรือของดี" นั้น ผู้ที่จะให้ของประเสริฐได้ต้องเป็นบุคคลที่มีอํานาจหรืออิทธิพล ยิ่งกว่าบุคคลธรรมดา จึงอาจหมายถึงเทวดาเป็นผู้ให้ หรือเป็นสถานที่ ที่เทวดาประทานพรทั้งหลายให้ ชื่อตามธรรมดาบุคคลชอบสิ่งที่เจริญหรือเป็นมงคล จึงต้องการให้ชื่อเมืองเป็นมงคลนาม เป็นที่รวมแต่สิ่งที่เป็นมงคลทั้งหลาย ตามความหมายที่มาจากคําว่า “ประชุมพร” ต่อมาก็ได้เรียกผิดเพี้ยนไปคงเหลือแต่ “ชุมพร” เพราะคนไทยทางใต้ ชอบเรียกคําสั้น ๆ |
จังหวัดชุมพรมีอายุประมาณ ๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ ปี พบหลักฐานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ได้แก่ ขวานหินขัด เครื่องปั้นดินเผา หม้อสามขา ตะคันดินเผา โครงกระดูกมนุษย์ ภาพเขียนสี ลักษณะคล้ายกับในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระนอง กระบี่ พังงา นครศรีธรรมราช และตรัง นอกจากนั้นมีการค้นพบหลักฐานสมัยโลหะได้แก่ กลองมโหระทึก และมีการคันพบเครื่องประดับทั้งถูกปิด กำไล ทำไล ทำจากทองคำ สำริด หิน และแก้ว จนพุทธศตวรรษที่ ๑๐ มีเมืองท่าใหม่ ๆ กำเนิดขึ้น เช่น เมืองท่าภูเขาทอง จังหวัดระนอง เมืองไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่อมาเมื่อสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ชุมพรยกฐานะเป็นมณฑลชุมพร ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. ๒๔๙๕ มณฑลชุมพรถูกยุบ กลายเป็นจังจังหวัดชุมพรจนกระทั่งปัจจุบัน
ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ๔,๐๐๐-๒,๐๐๐ ปี
จังหวัดชุมพรมีแหล่งโบราณคดีสำคัญ โดยพบร่องรอยการตั้งถิ่นฐานในยุคก่อนประวัติศาสตร์และยุคแรกเริ่มประวัติศาสตร์ ที่บริเวณแหล่งโบราณคดีเขาสามแก้วปัจจุบันคือบ้านสามแก้ว หมู่ที่ ๑ ตำบลนาชะอัง อำเภอเมืองชุมพร แหล่งโบราณคดีเขาสามแก้วเป็นกลุ่มภูเขาเล็ก ๆ ๓-๔ ลูก สลับกับที่ราบลุ่มริมคลองท่าตะเภา โบราณวัตถุที่พบ ได้แก่ กลองมโหระทืก กำไล ตุ้มหู จี้ห้อยคอสำริด แก้วชนิดต่าง ๆ ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่ามีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยนักโบราณคดีสันนิษฐานว่าเขาสามแก้วน่าจะเคยเป็นเมืองท่ามาก่อนแม้จะอยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดิน แต่มีแนวลำน้ำท่าตะเภาที่ปากน้ำชุมพร เป็นเส้นทางออกสู่ทะเลและมีเส้นทางข้ามคาบสมุทรที่สำคัญ ๒ สาย คือเส้นทางจากอำเภอหลังสวนไปตามแม่น้ำหลังสวน ต่อไปยังอำเภอพะโต๊ะแล้วข้ามทิวเขาไปยังจังหวัดระนอง และเส้นทางจากจังหวัดชุมพรไปยังกระบุรี ปากจั่น และจังหวัดระนอง จากการสำรวจเส้นทางกระบุรี-เขาสามแก้ว ของนายเยี่ยมยง ส.สุรกิจบรรหาร ในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ - ๒๕๒๑ พบว่าตลอดเส้นทางน้ำมีแหล่งโบราณคดี เริ่มจากฝั่งทะเลอันดามันตอนล่างของแม่น้ำกระบุรี ผ่านแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ที่เขาพระขยางค์ บ้านลำเลียง อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง ผ่านอำเภอกระบุรีไปถึงปากจั่น ทวนน้ำตามคลองจั่นเข้าสู่คลองหลีก ผ่านเขาหินของคลองหินถึงสันปันน้ำ จึงเดินบกข้ามช่องเข้าเขตจังหวัดชุมพร แล้วล่องตามคลองชุมพรผ่านท่าไม้ ท่าไม้รวก แหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ถ้ำสนุกสุขารมย์ บ้านเสียบญวน บ้านนาเหนือ บ้านยางด้วน บ้านวัดประเดิม แล้วเดินบกมาที่ท่าตะเภาลงคลองท่าตะเภาผ่านแหล่งโบราณคดีเขาสามแก้ว แล้วลงทะเลอ่าวไทยที่ปากน้ำชุมพร ชุมชนโบราณเขาสามแก้วเจริญและดำรงความเป็นชุมชนแบบดั้งเดิมเมื่อ ๕๐๐ ปีก่อนพุทธกาล จนถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๒ หลังจากนั้นค่อย ๆ เสื่อมสลายไป หลายชุมชนในภาคใต้เริ่มเข้าสู่ระบบสังคมและการเมืองแบบเดียวกันมีลักษณะของนครรัฐ มีศูนย์กลางการปกครอง โดยรับวัฒนธรรมจากชุมชนสมัยประวัติศาสตร์ของดินแดนโพ้นทะเลเป็นหลักในการจัดระเบียบสังคม
สมัยประวัติศาสตร์
เมืองชุมพรมีความแตกต่างไปจากเมืองอื่น ๆ ในภาคใต้ ดังที่สมเด็จฯ กรมเจ้าพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงนิพนธ์ไว้ในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๕๐ หรือตำนานเมืองระนองว่า
"...ในประดาหัวเมืองทางแหลมมลายูที่ตั้งมาแต่โบราณ เมืองชุมพรประหลาดผิดกับเพื่อนอยู่อย่างหนึ่ง ที่ไม่มีตัวเมืองเหมือนเมืองไชยา เมืองนครศรีธรรมราชเมืองพัทลุง เมืองสงขลา เมืองปัตตานี และเมืองถลาง เมืองตะกั่วทุ่งทางฝ่ายตะวันตก ล้วนมีโบราณวัตถุปรากฏอยู่รู้ได้ว่าเป็นเมืองมาแต่โบราณ แต่ส่วนเมืองชุมพร ข้าพเจ้าผู้แต่งหนังสือนี้ได้เข้าค้นหานักแล้ว ยังมิได้พบโบราณวัตถุเป็นสำคัญบางทีจะเป็นด้วยเหตุ ๒ อย่าง คือมีที่ทำนาไม่พอคนมากอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งอยู่ตรงคอแหลมมลายู มักเป็นสมรภูมิรบพุ่งกันตรงนั้น จึงไม่สร้างบ้านเมืองแต่ก็ต้องรักษาเป็นเมืองด่าน เมืองชุมพรจึงได้ศักดิ์เป็นหัวเมืองขั้นตรี มีอาณาเขตตกถึงทะเลทั้งสองฝ่ายมาแต่โบราณ..."
- สมัยสุโขทัย
แม้ชุมพรไม่มีชื่อในจารึกหรือตำนานใด แต่ปรากฏอยู่ในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ซึ่งตอนหนึ่งกล่าวว่า "..สังฆราชปราชญ์เรียนจบปิฎกไตรหลากว่าปู่ครูในเมืองนี้ทุกคนลุกแต่ศรีธรรมราชมา..." เมืองชุมพรเป็นหนึ่งใน ๑๒ หัวเมืองนักษัตรของเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งอ้างอิงได้ว่าในปีที่ทำศิลาจารึก (พ.ศ. ๑๘๒๖) นั้น เมืองชุมพรมีอยู่แล้ว
- สมัยอยุธยา
พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับหนึ่งกล่าวว่า สมัยอยุธยาตอนต้นตีได้เมืองพงสาลีและเมืองแถงในลาวเหนือ กวาดครัวลาวลงมาไว้ที่เมืองปะทิวและเมืองชุมพร ซึ่งเป็นหลักฐานปรากฏชื่อเมืองชุมพรเป็นครั้งแรก ชื่อเมืองชุมพรปรากฏในประวัติศาสตร์ไทยเป็นครั้งที่ ๒ ในปี พ.ศ ๑๙๙๗ สมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถในบทพระไอยการ ตำแหน่งนายทหารหัวเมืองตรา.. ออกญาเคาะงะทราธิบดี ศรีสุรัตนวลุมหนักพระชุมภอร เมืองตรี นา ๕,๐๐๐ ขึ้นประแดงอินปัญญาข้าย... ตำแหน่งปลัดเมือง นา ๕,๐๐๐ ตำแหน่ง (หลวง) ยกบัตร, (หลวง) พล และ (หลวง) มหาดไทยนาคนละ ๘๐๐ ส่วน เมือง เวียง วัง คลังนา และสัสดี นาคนละ ๖๐๐ ในสมัยโบราณอาจจะไม่เคร่งครัดเรื่องสะกดการันต์ คำว่า "ชุมพร" เขียนว่า "ชุมภอร" ส่วนเจ้าเมืองไชยา เป็นออกพระวิชิตภักดีศรีพิชัยสงครามเรียกว่าพระไชยา สำหรับเจ้าเมืองชุมพรที่พบชื่อบรรดาศักดิ์เป็นครั้งแรกนั้นไม่ใช่คนไทย เพราะคำว่า "เคาะงะ" เป็นแขกเทศ แต่ไม่อาจทราบชื่อในภาษาแขกได้ ในกฎหมายเก่ายังพบชื่อชุมพรในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาในสมัยต่อมากล่าวว่าเมืองชุมพรเป็นเมืองตรี แต่ไม่มีรายละเอียดอื่นใดอีก ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๐๗ สมัยพระเจ้าเอกทัศน์ พงศาวดารกล่าวว่าพม่าไล่ติดตามเจ้าเมืองทวายลงมาตีได้เมืองมะริด เมืองมะลิวัน เมืองชุมพร เมืองไชยา แล้วย้อนขึ้นมาตีเมืองปะทิว เมืองกำเนิดนพคุณ ถึงเมืองเพชร กองทัพพระยาตากตีแตกพ่ายไป เป็นการกล่าวถึงชื่อแต่ไม่มีหลักฐานอื่นใดที่จะหาที่ตั้งเมืองชุมพรได้
- สมัยธนบุรี
ปี พ.ศ. ๒๓๑๐ กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า หลวงนายสิทธ์พระปลัดเมืองว่าราชการเมืองนครศรีธรรมราชหรือเจ้านคร ตั้งตนเป็นชุมนุมใหม่ประกาศไม่ยอมขึ้นกับใคร ขยายเขตแนวรวบรวมเมืองต่าง ๆ เข้าเป็นพรรคพวกรวมทั้งเมืองชุมพร สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้กู้เอกราชปราบชุมนุมต่าง ๆ ได้ และยกไปปราบพม่าที่อยุธยาแล้วได้ปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ โดยโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาจักรี (แขก) เป็นแม่ทัพลงมาปราบชุมนุมนครหรือเจ้านคร เมื่อทัพผ่านเมืองเพชรบุรีเมืองนพคุณ เมืองปะทิว จนถึงเมืองชุมพรคณะกรรมการเมืองชุมพรได้หลบหนีไปสมทบกับเมืองนครฯ ทำให้นายมั่นชาวเมืองปะทิวชักชวนเพื่อนฝูงและคนรู้จักเข้าสวามิภักดิ์กับทัพพระยาจักรี (แขก) ไปร่วมรบกับเมืองนครฯ ต่อมาทัพหลวงยกมาสมทบสามารถตีเมืองนครฯ ได้ จัดการปกครองเมืองเรียบร้อยแล้ว จึงแต่งตั้งนายมั่นหรือแม่ทัพมั่นเป็นเจ้าเมืองชุมพร สันนิษฐานว่าเมืองชุมพรในขณะนั้นอยู่ฝั่งช้ายของแม่น้ำชุมพรบริเวณวัดประเดิม
- สมัยรัตนโกสินทร์
ชื่อเมืองชุมพรในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนตัน ปรากฏหลักฐานที่ตั้งเมืองชัดเจน ตามตำนานเมืองนครศรีธรรมราชเล่าว่า ครั้งพระพนมวังจากเมืองเพชรบุรีลงไปเป็นพระยาศรีธรรมาโศกราช ได้สั่งคนไปสร้างนาในหัวเมือง ๑๒ นักษัตรต่าง ๆ โดยให้นายรัก นายราช นายเขียว ไปสร้างนาเมืองไชยา และให้นายพรหม ตาขุนเทพไปสร้างนาเมืองชุมพร คนสมัยนั้นรู้ดีว่าตัวเมืองชุมพรและเมืองไชยาอยู่ที่ไหน จึงไม่ได้บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ในสารตราสมุหกลาโหมถึงเจ้าเมืองชุมพร มีปรากฏอยู่บ้างที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร ปนอยู่กับสารตราหัวเมืองอื่น ๆ ในปักษ์ใต้ แต่ไม่มีข้อความใดที่กล่าวถึงที่ตั้งของตัวเมืองชุมพร ในปี พ.ศ. ๒๕๒๘ นักโบราณคดีพบว่าฝั่งทิศใต้ของแม่น้ำชุมพร ระหว่างวัดพระขวางกับวัดประเดิม มีอิฐขนาดใหญ่กว่าอิฐปัจจุบันจมดินอยู่หลายแห่ง ขุดพบฐานกำแพงและฐานเจดีย์ แต่ฐานไม่หนาพอที่จะเป็นกำแพงเมือง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นกำแพงวัดมากกว่า เมื่อล่องตามลำน้ำมาทางตะวันออกใกล้วัดประเดิม มีทางน้ำเรียกว่าคลองน้อย แยกจากแม่น้ำชุมพรผ่านวัดประเดิมมาออกทางแม่น้ำท่าตะเภา ลักษณะเป็นคลองขุดเชื่อมแม่น้ำสองสาย ใกล้ปากคลองน้อยมีศาลเสื้อเมือง เป็นศาลไม้หลังคามุงสังกะสี พอเป็นหลักฐานได้ว่ามีศาลเสื้อเมืองชุมพรเดิมอยู่บริเวณนั้น ปัจจุบันคือหมู่ที่ ๑ ตำบลตากแดด อำเภอเมืองชุมพร ส่วนบริเวณที่พบอิฐจมดินชาวบ้านเข้าครอบครองทำสวนมะพร้าวและปลูกบ้านเรือนเป็นการถาวร แต่ชาวบ้านยังระบุได้ว่าบริเวณไหนคือวัดแจ้ง วัดป่า วัดแหลม และวัดนอก ปัจจุบันบริเวณที่เคยเป็นวัดแหลม ผู้ใช้ประโยชน์ต้องเช่าที่ดินกับกรมศาสนา เพราะมีหลักฐานหลงเหลือยืนยันว่าเป็นพื้นที่วัดร้าง ส่วนวัดประเดิมยังคงเป็นวัดจนปัจจุบัน ด้านทิศตะวันออกของวัดประเดิมมีพระพุทธรูปจมดินอยู่ใต้ต้นข่อยใหญ่มีเศียรพระโผล่ขึ้นมาเล็กน้อยชาวบ้านเรียกว่าพระข่อย การตั้งบ้านตั้งเมืองในสมัยโบราณสิ่งที่ขาดไม่ได้อยู่สองประการคือแหล่งน้ำและแหล่งข้าว สังเกตว่าเมืองใหญ่มักตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำใหญ่ มีทุ่งนากว้าง เมืองเล็กตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเล็ก มีทุ่งนาขนาดย่อมพอเลี้ยงชาวเมืองได้ ในตำบลตากแดดบริเวณที่เคยเป็นเมืองชุมพรเก่า มีแม่น้ำชุมพรไหลผ่าน แม่น้ำสายนี้มีต้นน้ำไหลมาจากภูเขาที่กั้นเขตแดนชุมพรกับกระบุรี ไหลออกทะเลที่อ่าวบ่อคา ในปี พ.ศ. ๒๓๒๘ สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) พม่าได้ยกทัพเรือลงไปตีเมืองถลาง เข้าเมืองมะริดตีได้เมืองระนอง เมืองกระ ครั้งนั้นเมืองระนอง เมืองกระ ขึ้นต่อเมืองชุมพร พม่ายกเข้าทางบ้านปากจั่น ผ่านช่องเขาหินชองถึงตรงน้ำแบ่ง แล้วเดินทัพเข้าตีเมืองชุมพรแตก ผู้รั้งเมืองอพยพผู้คนหนีเข้าป่า พม่าริบทรัพย์เผาเมืองแล้วยกลงไปตีเมืองไชยาและเมืองนครศรีธรรมราช กองทัพสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ยกลงมาถึงเมืองชุมพรเมื่อเดือน ๔ (มีนาคม) ปีเดียวกัน ทำให้เมืองชุมพรแตกเป็นครั้งที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) เตรียมกองทัพไปตีเมืองพม่า โดยยกกองทัพบกไปทางไทรโยคเมืองกาญจนบุรี ส่วนทัพเรือยกออกจากเมืองชุมพร (เมืองกระบุรี) สมทบกับทัพบกที่เมืองทวาย สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เสด็จฯ ลงมาประทับที่เมืองชุมพรตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี พ.ศ. ๒๓๓๖ เกณฑ์หัวหน้าฝ้ายตะวันตก ตั้งแต่เมืองไทรบุรีขึ้นมาถึงเมืองชุมพรให้ต่อเรือรบ เกณฑ์คนจากหัวเมืองฝ่ายตะวันตกเข้าสมทบเป็นทัพเรือ รับสั่งให้พระยาจ่าแสนกร พระยาไกรโกษา พระยาแก้วโกรพ เจ้าเมืองชุมพรยกทัพเรือขึ้นไปตีเมืองทวาย การรวมกำลังเป็นทัพเรือยกออกจากเมืองชุมพรทำได้สะดวก เพราะเมืองชุมพรครั้งนั้นอยู่ติดทะเลอันดามัน กองทัพเรือยกเข้าไปตีเมืองมะริดเอาปืนใหญ่ขึ้นตั้งบนเกาะหน้าเมืองระดมยิงป้อมเมืองมะริดจนพม่าทิ้งป้อม รบพุ่งกันจวนจะได้เมืองมีหนังสือรับสั่งขึ้นไปว่า กองทัพบกทำการไม่สำเร็จให้กองทัพเรือถอยกลับ ขณะเตรียมจะถอยกลับทัพเรือพม่ายกมาถึงต้องรบพุ่งกัน ทัพเรือไทยสู้พลางถอยพลางมาจนถึงท่าขึ้นบกที่ปากจั่น ครั้งนี้มีกองทัพสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทคุมเมืองอยู่ พม่าจึงเข้าตีถึงตัวเมืองไม่ได้ ปี พ.ศ. ๒๓๓๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) ขึ้นครองราชสมบัติได้ ๒ เดือน พม่ายกทัพเรือไปตีเมืองถลาง ทัพบกยกมาตีเมืองมะลิวัน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้เกณฑ์ทัพหัวเมืองปักษ์ใต้ไปช่วยป้องกันเมืองถลาง ให้พระยาจ่าแสนกร (บัว) ยกทัพวังหน้ามาที่ชุมพร สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสนานุรักษ์ เสด็จทางเรือมาได้ถึงเมืองเพชรบุรี เจอลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จึงเสด็จขึ้นบกยกตามกองทัพพระยาจ่าแสนกร (บัว) ลงมา แม่ทัพพม่าชื่อดุเรียงสาระกะยอ ตีได้เมืองมะลิวัน เมืองระนอง เมืองกระ แล้วยกเข้าทางปากจั่นตีเมืองชุมพรแตกเป็นครั้งที่ ๓ แต่ไม่ทันจะยกไปตีเมืองอื่น กองทัพพระยาจ่าแสนกร (บัว) ยกลงมาถึงเข้าตีทัพพม่าสู้รบกันเพียงวันเดียวพม่าแตกหนีไปตามเส้นทางเดิม ทหารพม่าถูกฆ่าและถูกจับเป็นจำนวนมาก กองทัพสมเด็จพระบวรชราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ ยกลงไปปราบพม่าจนถึงเมืองตะกั่วป่า เสร็จศึกเมืองถลางแล้วจึงยกทัพกลับกรุงเทพฯ ชุมพรเป็นเพียงหัวเมืองขนาดเล็กกำลังคนไม่พอรักษาเมือง เมืองถูกตีแตกยับเยินในเวลาใกล้เคียงกัน ๓ ครั้ง คือปี พ.ศ. ๒๓๐๗ พ.ศ.๒๓๒๘ และ พ.ศ. ๒๓๕๒ ทำให้ผู้คนกลัวที่จะอยู่เมืองเดิม ประกอบกับเวลานั้นที่แม่น้ำท่าตะเภามีชุมชนเกิดขึ้น ๒ แห่ง คือบ้านท่าตะเภา และบ้านท่ายาง มีเรือสำเภาไปมาค้าขายได้สะดวกและอยู่ห่างจากเมืองเก่าขึ้นมาทางทิศเหนือประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร คนในเมืองเดิมจึงทยอยกันขึ้นมาและเมื่อผู้คนอพยพมา เจ้าเมืองกรมการจึงย้ายตามมา ปี พ.ศ. ๒๓๖๗ สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) มีหลักฐานว่าเจ้าเมืองชุมพรคือพระยาเพชรกำแหงสงคราม ชื่อเดิมว่าชุ่ย ชาวเมืองเรียกกันว่า พระยาชุ่ย พระยาชุมพร (ชุ่ย) เป็นผู้สร้างวัดท่าตะเภาเหนือ (ราชคฤห์ดาวคะนอง) ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวัดชุมพรรังสรรค์ และได้มาตั้งเมืองชุมพรในปัจจุบัน ต่อมมาสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) เสด็จพระราชดำเนินเมืองสงขลา นายชำนิโวหาร (อิ่ม) นายเวรกรรมพระอาลักษณ์ บันทึกว่าเสด็จทางทะเลผ่านเมืองชุมพร เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ความในตอนหนึ่งกล่าวว่า...อ่าวปากคลองทุ่งคาคือปากน้ำชุมพรเก่า.. แสดงว่าเมืองชุมพรย้ายมาอยู่บนฝั่งแม่น้ำท่าตะเภานั่นคือเมืองชุมพรในปัจจุบัน ในปี พ.ศ. ๒๓๔๙ มณฑลชุมพรประกอบด้วย ๕ เมือง ได้แก่เมืองกำเนิดนพคุณ เมืองชุมพร เมืองไชยา เมืองหลังสวน และเมืองกาญจนดิษฐ์ ปี พ.ศ. ๒๔๕๘ ศาลาว่าการมณฑล ชุมพรย้ายไปตั้งที่บ้านดอนและเปลี่ยนชื่อเป็นมณฑลสุราษฎร์ธานี จากนั้นเปลี่ยนชื่อท้องที่เป็นจังหวัดชุมพร ก่อนที่จะไปขึ้นกับมณฑลนครศรีธรรมราช ปี พ.ศ. ๒๔๘๒ เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ พลตรีหลวงพิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ประกาศนโยบายเป็นกลางเนื่องจากเห็นว่าประเทศไทยมีขนาดเล็กและไม่มีอาวุธทันสมัย เมื่อกองทัพญี่ปุ่นจู่โจมประเทศไทยในวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ พร้อมกัน ๗ จุด คือประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และบางปู รัฐบาลไทยจึงยอมรับเงื่อนไขของญี่ปุ่น และทำสมุดปกเขียวให้ญี่ปุ่นผ่านโดยรับรองว่าจะไม่บุกรุกไทย และชดใช้ค่าเสียหายให้ จนวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๘๔ อังกฤษส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด โจมตีจุดยุทธศาสตร์หลายแห่งทั่วภาคใต้โดยเฉพาะจังหวัดชุมพร
ภูมิประเทศ
ชุมพรเป็นจังหวัดที่มีสัณฐานแคบยาวทอดตัวจากทิศเหนือสู่ทิศใต้ มีความกว้างเพียง ๓๖ กิโลเมตร แต่มีความยาวมากกว่า ๒๐๐ กิโลเมตร แบ่งลักษณะของภูมิ
ประเทศได้ ๓ แบบ ได้แก่ พื้นที่ภูเขาทางทิศตะวันตก พื้นที่ราบตอนกลาง และพื้นที่ชายฝั่งทะเลทางทิศตะวันออกพื้นที่ภูเขาทางทิศตะวันตก คือ แนวทิวเขาตะนาวศรี เป็นพรมแดนกั้นระหว่างประเทศไทย และสหภาพพม่า ต่อเนื่องจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพรและจังหวัดระนอง พื้นที่ส่วนนี้ปกคลุมด้วยป่าดิบชื้นรกทึบ มีเนื้อที่ร้อยละ ๔๐ ของจังหวัด และยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสำคัญหลายสายของจังหวัดชุมพรอาทิ แม่น้ำสวี แม่น้ำหลังสวน และแม่น้ำท่าตะเภา เป็นต้น พื้นที่ด้านทิศตะวันตก
ค่อยๆ ลาดเทลงสู่ที่ราบตอนกลาง เป็นเสมือนอู่ข้าวอู่น้ำ มีการทำนาปลูกข้าวมาตั้งแต่สมัยโบราณ อีกทั้งยังมีสวนผลไม้และสวนยางพารา จากนั้นพื้นที่จะลาดลงสู่ชายฝั่งด้านทิศตะวันออก ซึ่งติดกับอ่าว-ไทย ลักษณะเป็นไหล่ทวีป (Continental Shelf) ระดับน้ำค่อนข้างตื้น เพราะพื้นที่เป็นชายฝั่งแบบยกตัวขึ้น (Emergence
Shoreline) เมื่อยุคควอเทอร์นารี(Quaternary Period) ประมาณ ๑.๖ ล้านปี ถึง ๑๐,๐๐๐ ปีก่อนชุมพรเป็นจังหวัดที่มีชายฝั่งทะเลยาวถึง ๒๒๒ กิโลเมตร ตลอดแนวนี้มีชาย
หาดสวยงามเรียงรายหลายแห่ง เช่น หาดทรายรี (เขตเทศบาลเมืองชุมพร) หาดผาแดง หาดภราดรภาพ หาดอรุโณทัยหาดทรายรีสวี หาดทุ่งวัวแล่น หาดถ้ำธงบางเบิด อ่าวบ่อเมา และอ่าวยายไอ๋ เป็นต้น ชายหาดแทบทั้งหมดมีความยาวตรง โค้งเว้าน้อย ระดับน้ำไม่ลึกมาก จึงเหมาะแก่การเล่นน้ำ เม็ดทรายเป็นสีน้ำตาลอ่อน เพราะมิได้เกิดจากการสลายตัวของแนวปะการังที่ถูกคลื่นชัดเข้ามาทับถมกัน แต่เกิดจากการสลายตัวของดินและหินบริเวณชายฝั่งจังหวัดชุมพร มีเกาะน้อยใหญ่กระจายอยู่ในทะเล ๕๔ เกาะ อุดมด้วยปะการังน้ำตื้นและปะการังน้ำลึก ปะการังน้ำลึกพบมากบริเวณเกาะมัตรา เกาะละวะ เกาะทองหลาง และเกาะกุลา ส่วนปะการังน้ำตื้นพบมากที่เกาะง่ามใหญ่ เกาะง่ามน้อยและเกาะทะลุ เหล่านี้เป็นจุดดำน้ำที่ดีและสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในอ่าวไทย โดยส่วนใหญ่อยู่ในเขตน่านน้ำอนุรักษ์ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรป๋าไม้ ปัจจุบันจังหวัดชุมพรเหลือเนื้อที่ป้าไม้อยู่ ๑,๓๒๘.๘๐ ตารางกิโลเมตร (๘๓๐,๕๐๐ ไร่) ส่วนใหญ่มีสภาพเป็น ป่าดิบขึ้น (Moist Evergreen Forest) เนื่องจากฝนตกชุกและมีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีค่อนข้างสูง ป้าชนิดนี้มีต้นไม้เจริญเติบโตข้อนทับกันหลายชั้น เด่นด้วยไม้ในวงศ์ยาง (Dipterocarpaceae) เช่น ยางขน ตะเคียนทอง ตะเคียนไต้ จันทน์กะพ้อ พันจำ ฯลฯ ผืนป้าอนุรักษ์ของภาครัฐที่สำคัญในจังหวัดชุมพร เช่น อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว (จังหวัดชุมพร - ระนอง) ส่วนที่อยู่ในชุมพรมีเนื้อที่ ๓๖๕ ตารางกิโลเมตร (๒๒๘,๑๒๕ ไร่) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพรด้านทิศใต้ เนื้อที่ ๓๑๕ ตารางกิโลเมตร(๑๙๖,๘๗๕ ไร่) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ เนื้อที่ ๖๖๔.๙ ตารางกิโลเมตร (๔๑๕,๖๒๐ ไร่) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งระยะ-นาสัก (จังหวัดชุมพร-ระนอง)
ส่วนที่อยู่ในชุมพร เนื้อที่ ๑๖๔.๗๕ ตาราง กิโลเมตร (๑๐๒,๙๗๐ ไร่) และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าควนแม่ยายหม่อน (จังหวัดชุมพร - ระนอง) ส่วนที่อยู่ในชุมพร เนื้อที่
๓๓๘.๖๔ ตารางกิโลเมตร (๒๑๑,๖๕๐ ไร่) ตลอดแนวชายฝั่งของจังหวัดชุมพรบริเวณอำเภอเมืองชุมพร อำเภอปะทิวอำเภอสวี อำเภอทุ่งตะโก อำเภอหลังสวน และอำเภอละแม มี ป่าชายเลน (Mangrove Forest) ทอดตัวเป็นแนวยาว โดยเฉพาะที่อ่าวทุ่งคา ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร มีเนื้อที่ป้าชายเลนมากถึง ๔๐ ตารางกิโลเมตร (๒๕,๐๐๐ ไร่) เป็นป่าชายเลนผืนใหญ่ที่สุดผืนหนึ่งของไทยในปัจจุบัน อุดมด้วยต้นโกงกางใบใหญ่โกงกางใบเล็ก แสมดำ โปรงขาว โปรงแดงลำพูทะเล และตะบูน เป็นต้น นอกจากนี้อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ยังมีแหล่งหญ้าทะเล (Seagrass Area) อยู่ที่อ่าวทุ่งคา - อ่าวสวี บริเวณปากน้ำคลองสวีเฒ่า สำรวจพบหญ้าทะเล ๑ ชนิด คือ
หญ้าชะเงาแคระ (Halophila boccari) จังหวัดชุมพรมี ป่าพรุ (Peat Swamp Forest) สำคัญอยู่ ๓ แห่ง ได้แก่ ป่วพรุกะชิง อำเภอปะทิว ป่าพรุดวด อำเภอละแม และบำพรุใหญ่ อำเภอหลังสวนป้าชนิดนี้มีสภาพโปร่ง มีต้นเสม็ดขาวขึ้นอยู่ทั่วไป ไม้พื้นล่างเด่นด้วยกระจูดและกก ดินในป่าพรุเกิดจากการทับถมของชากพืชจนกลายเป็นดินหยุ่นและเป็นกรดสูงแหล่งน้ำ แหล่งน้ำตามธรรมชาติของชุมพรมีลักษณะเป็นแม่น้ำสายสั้นๆ ไม่คดเคี้ยวมาก ประกอบด้วย ๔ ลำน้ำสำคัญได้แก่ แม่น้ำท่าตะเภา เกิดจากการรวมของคลองท่าแซะและคลองรับร่อ ไหลออกสู่ทะเลที่ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองชุมพรมีความยาว ๓๓ กิโลเมตร ถัดมาคือแม่น้ำชุมพร มีต้นกำเนิดอยู่ในอำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง แล้วไหลออกทะเลที่อ่าวสวี ตำบลทุ่งคา อำเภอเมืองชุมพรรวมความยาว ๕๐ กิโลเมตร แม่น้ำหลังสวน มีต้นกำเนิดอยู่บนภูเขาเขตอำเภอพะโต๊ะ ไหลออกทะเลที่ตำบลปากน้ำอำเภอหลังสวน รวมความยาว ๑๐๐ กิโลเมตร และสุดท้ายคือ แม่น้ำสวี มีความยาว ๕๐ กิโลเมตร กำเนิดมาจากทิวเขารอยต่อจังหวัดชุมพร-ระนอง
(อำเภอกระบุรี) แล้วไหลลงทะเลอ่าวไทย ที่อ่าวสวี ตำบลปากแพรก ผืนป้าที่ปกคลุมอยู่ในทุกอำเภอของจังหวัดชุมพร ก่อให้เกิดน้ำตกน้อยใหญ่หลายแห่ง เช่น น้ำตกเหวโหลม น้ำตกคลองเพรา น้ำตกกะเปาะ น้ำตกสันสีหมอกน้ำตกโตนลาด ฯลฯ ประชาชนสามารถนำน้ำมาใช้อุปโภคบริโภคได้ตลอดปี และน้ำตกเหล่านี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกด้ว
อาณาเขต
เมืองชุมพรมีศักดิ์เป็นเมืองตรี เจ้าเมืองมีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาชุมพรตามนามของเมือง จึงมีเมืองเล็ก ๆ เป็นเมืองขึ้น ชุมพรสมัยโบราณมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลจรดทะเลทั้ง ๒ ข้าง ทิศตะวันตกเฉียงเหนือจรดเมืองตะนาวศรี ทิศเหนือจรดเมืองกําเนิดนพคุณ ทิศใต้จรดเมืองไชยา ทิศตะวันตกจรดมหาสมุทรอินเดีย ทิศตะวันออกจรดอ่าวไทย มีเมืองขึ้นในสมัยนั้น ๗ เมือง ประกอบด้วยเมืองปะทิว เมืองท่าแซะ เมืองตะโก เมืองหลังสวน เมืองตระ (อําเภอกระบุรี) เมืองมะลิวัน เมืองระนอง ภายหลังได้รวมเอาเมืองกําเนิดนพคุณ (ปัจจุบันคืออําเภอบางสะพาน) มาขึ้นด้วย ส่วนเมืองตะโกเดิมต่อมายุบเป็นตําบลขึ้นต่อเมืองสวี เมืองขึ้นเหล่านี้ภายหลังได้ถูกตัดแยกออกไปตั้งเมืองใหม่บ้างด้วยเหตุอื่นบ้าง จึงทําให้เมืองชุมพรมีอาณาเขตลดน้อยลงไป เฉพาะเมืองที่ตัดออกไปอยู่ในปกครองของจังหวัดอื่นประกอบด้วย
๑. เมืองมะลิวัน เมืองมะลิวันในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) อังกฤษได้ปกครองเมืองตะนาวศรี และเมืองมะริด ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของไทยมาแต่เดิม ต่อมามีการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับอังกฤษณ เมืองมะลิวันอังกฤษจะเอาแม่น้ํากระบุรีเป็นเขต ฝ่ายไทยจะเอาเขตอันอยู่เพียงแนวภูเขาเป็นเขต โดยถือเอาแม่น้ําปากจั่นเป็นฝายข้างเรา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยายมราชสุก (จ่อ) กับพระยาเพชรกําแพงสงคราม (ครุฑ) ออกมาเจรจากันก็ไม่อาจตกลงกันได้ จนถึงปีชวด พุทธศักราช ๒๔๐๗ สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาเพชรบุรีกับพระยาเพชรกําแหงสงคราม พระยาชุมพร (กล่อม) ไปเจรจาปักเขตแดน ทรงพระราชดําริเห็นว่าความเรื่องนี้สองแผ่นดิน ก็ยังไม่ตกลงกันได้ ควรประนีประนอมผ่อนผัน จึงให้กรรมการปักเขตแดนทั้งสองฝ่ายทําความตกลงเอาแม่น้ํากระบุรีเป็นเขต แต่มีสัญญาปลีกย่อยเรื่องผู้ร้ายข้ามแดน อังกฤษจึงยอมตกลงด้วย เมืองมะลิวันซึ่งเคยเป็นเมืองขึ้นชุมพรและเป็นส่วนหนึ่งแห่งราชอาณาจักรไทย จึงได้ตกเป็นของอังกฤษด้วยความจําใจ |
๒. เมืองตระ เมืองตระปัจจุบันนี้เรียกว่าอําเภอกระบุรี ขึ้นกับจังหวัดระนอง แต่เดิมเป็นเมืองเล็กขึ้นตรงต่อเมืองชุมพร เมื่อปีจอ พ.ศ. ๒๔๐๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกเป็นเมืองตระกับเมืองระนอง ให้ขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ โดยแยกเมืองตระไปขึ้นกับเมืองระนองที่ตั้งใหม่ เมืองตระจึงแยกจากเมืองชุมพรแต่นั้นมา |
๓. เมืองระนอง เมืองระนองแต่เดิมเป็นแขวง (เทียบเท่ากับอําเภอ) ขึ้นต่อเมืองชุมพร ต่อมาเมื่อปีจอ พ.ศ. ๒๔๐๕ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรด เกล้าฯ เลื่อนบรรดาศักดิ์พระรัตนเศรษฐีเจ้าเมืองระนอง เป็นพระยารัตนเศรษฐี และทรงยกฐานะเป็นเมืองระนองเป็นเมืองจัตวาขึ้นต่อ กรุงเทพฯ ต่อมาได้ยกฐานะเป็นจังหวัดระนอง |
๔. เมืองกําเนิดนพคุณ เมืองกําเนิดนพคุณ สมัยก่อนเป็นตําบลเล็ก ๆ (ไม่ปรากฎชื่อ) ขึ้นต่อเมืองกุยบุรี ในสมัยกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๒๙๐ ได้ค้นพบแร่ทองคําในตําบลนี้มาก ภายหลังในปี พ.ศ. ๒๓๙๒ รัชกาลที่ ๓ ได้ตั้งตําบล (ไม่ปรากฎชื่อ) ขึ้นเป็นเมืองมีชื่อว่าเมืองกําเนิดนพคุณ ซึ่งหมายถึงเมืองที่มีแร่ทองคํา และต่อมาได้มาขึ้นอยู่กับเมืองชุมพร เมื่อวันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๙ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้รวมเมืองประจวบคีรีขันธ์ เมืองปราณบุรี รวมเป็นอําเภอขึ้นกับเมืองเพชรบุรี สำหรับเมืองกําเนิดนพคุณซึ่งขึ้นกับเมืองชุมพรอยู่ก่อนนั้น มารวมกับเมืองปราณบุรี เมืองประจวบคีรีขันธ์ ตั้งเป็นเมืองจัตวาอีกเมืองหนึ่งเรียกว่า เมืองปราณบุรี ขึ้นกับมณฑลราชุบรีตั้งแต่นั้นมา ต่อมาเมืองปราณบุรีได้เปลี่ยนชื่อเป็นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเมืองกําเนิดนพคุณมีชื่อว่าอําเภอบางสะพาน โดยมีอาณาเขตเขาหลักหรือเขาไชยราชเป็นที่แบ่งเขตแดนระหว่าง ชุมพร (อําเภอปะทิว) กับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มาจนทุกวันนี้ |
ภาพจากคุณณัฐ เหลืองนฤมิตรชัย ; https://www.youtube.com/watch?v=SXnq7V4DUO0
ชื่อบ้านนามเมือง
- อำเภอเมืองชุมพร
ชุมพรเป็นเมืองเก่ามีสถานที่ตั้งเมืองหลายแห่ง เช่น ในท้องที่บ้านประเดิม ตําบลตากแดด อําเภอเมืองชุมพร หรือที่บ้านท่าตะเภา ตําบลนาชะอัง อําเภอเมืองชุมพร โดยเฉพาะบ้านท่าตะเภาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๐ เคยเป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัดชุมพร ภายหลังยกฐานะขึ้นเป็นอําเภอท่าตะเภา และเปลี่ยนชื่อเป็นอําเภอเมือง เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๑ ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) พระองค์ทรงจัดระเบียบการปกครองใหม่เป็นแบบมณฑลเทศาภิบาล สมัยนั้นมณฑลชุมพรประกอบด้วยเมืองชุมพร เมืองกําเนิดนพคุณ เมืองไชยา เมืองหลังสวน และเมืองกาญจนดิษฐ์ ปัจจุบันเมืองกําเนิดนพคุณคืออําเภอบางสะพาน (เดิมเขียนเป็นบางตะพาน) ขึ้นกับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชื่อของเมืองกําเนิดนพคุณหมายถึงแหล่งเกิดทองเนื้อเก้าซึ่งสุกที่สุด เมืองดังกล่าวเคยเป็นแหล่งแร่ทองคําคู่กับอําเภอโต๊ะโมะ (ปัจจุบันคืออําเภอแว้ง) จังหวัดนราธิวาส ส่วนเมืองไชยาและเมืองกาญจนดิษฐ์ปัจจุบันยกฐานะเป็นอําเภอ ขึ้นกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตํานานชื่อบ้านนามเมืองที่น่าสนใจในอำเภอเมือง เช่น ตำบลนาชะอัง ตํานานเขานางทองร่อน “นาชะอัง” มาจากภาษาเขมรออกเสียงว่า ฉะ-อึ้ง แปลว่ากระดูก เขมรเรียกพื้นนาที่มีดินแข็งและไถยากว่า "แสรฉะอึ้ง" ออกเสียงว่า "สะ-แร-ฉะ-อึ้ง" แปลว่านากระดูก บริเวณดังกล่าวข้างต้นมีภูเขาลูกหนึ่งไม่สูงนักชื่อภูเขา “นางทองร่อน” โดยมีเรื่องเล่าว่า..
...นางทองร่อนเป็นสาวสวยนางเป็นลูกหัวหน้าชุมชนริมแม่น้ําท่าตะเภา (คลองท่ากระดาน) ธรรมดาสาวสวยย่อมมีชายหนุ่มเข้ามาติดพัน ปรากฏว่ามีหนุ่มสี่คนมาสู่ขอนาง คนแรกเป็นเศรษฐีเพชรนิลจินดาและมีทองคําจํานวนมหาศาล คนที่สองเป็นเศรษฐีไร่นาและมีข้าวในยุ้งฉางมากเหลือคณานับ คนที่สามยากจนแต่ก็มีอาชีพพอทํามาหากินไปวัน ๆ ส่วนคนสุดท้ายนั้นยากจนกว่าและไร้ทรัพย์สิน เพื่อทดลองความจริงใจของชายหนุ่มทั้งสี่ นางทองร่อนจึงมีคําถามขึ้นมาว่า หากอยู่กินกันจนนางถึงแก่ความตาย ผู้เป็นสามีคือหนุ่มในสี่นี้จะทําบุญอะไรให้แก่นาง หนุ่มคนที่หนึ่งตอบว่าจะสร้างโลงทองคําประดับเพชรและนิลจินดาให้สมค่าที่ตนรักนาง คนที่สองตอบว่าจะส่งผลบุญแก่นางอย่างสม่ําเสมอ ดังน้ําข้าวที่เขารินออกมาตอนหุงเลี้ยงคนจํานวนมากให้น้ําข้าวเพิ่งนองจนเรือสําเภาสามารถลอยได้ คนที่สามตอบว่าเขาไร้ทรัพย์สินแต่ถ้านางตายจะตายตามนางไปด้วย ส่วนคนสุดท้ายตอบว่าเขาจะนํากระดูกของนางมาแขวนคอเอาไว้เพื่อจะได้ระลึกถึงนางตลอดชีวิต ต่อมานางทองร่อนเกิดตายจริง ขณะจะเผาศพปรากฏว่าชายคนที่สามก็กระโดดเข้าไปในกองไฟ เพื่อตายตามนางดังที่ลั่นวาจาไว้ ฝ่ายชายคนที่สี่ก็นํากระดูกของนางมาแขวนคอ และนํากระดูกไปให้ฤาษีตนหนึ่งชุบชีวิตให้ฟื้นขึ้น ปรากฏว่าผู้คืนชีพคือนางทองร่อนและหนุ่มคนที่สามซึ่งได้ตายไล่เลี่ยกัน ในที่สุดนางทองร่อนตัดสินใจเลือกหนุ่มคนที่สามเป็นสามีซึ่งรักนางอย่างจริงและยอมตายตามนางดังคํามั่นสัญญา ส่วนหนุ่มคนที่สี่เกิดโทสจริตทํานองเนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่งแต่เอากระดูกแขวนคอ เขาคิดว่าตนควรพิชิตใจนางมากกว่าคนอื่น ๆ จึงระบายความไม่พอใจด้วยการไล่ทุบตีฤาษีผู้ชุบชีวิต ฤาษีตนนั้นตกใจกลัววิ่งหนีเลยล้มถลาลงตรงบริเวณที่เรียกว่าเขาหราด... คําว่าหราดนี้ หมายถึงลื่นไถลล้มลง ยังมีนิทานที่เล่าเกี่ยวกับชื่อบ้านในอำเภอเมืองที่เกี่ยวกับนางทองร่อน ไว้อีกหลายที่ เช่น
- บ้านอู่ตะเภา เป็นสถานที่ที่เศรษฐีหรือชายคนที่หนึ่งนําเรือสําเภาบรรทุกเพชรนิลจินดาที่มีค่าและมีจํานวนมหาศาลเพื่อนําไปใช้ตกแต่งหีบศพ แต่เพชรนิลจินดาตกหล่นหายไปตามพื้นดินและพื้นน้ําเป็นจํานวนมาก ชาวบ้านจึงมักขุดพบสิ่งของดังกล่าวตามเชิงเขาตะเภา
- บ้านบ่อน้ําข้าว เป็นสถานที่ที่เศรษฐีคนที่สองใช้หุงข้าวเพื่อเลี้ยงแขกเหรื่อในวันมาสู่ขอนางทองร่อน
- เขาซอกโศก เป็นสถานที่ที่นางทองร่อนนั่งโศกเศร้า ด้วยไม่รู้ว่าจะตัดสินใจเลือกชายใด
- บ้านหรอ เป็นสถานที่ที่เศรษฐีหนุ่มคนที่หนึ่ง และคนที่สองต่างไปนั่งรอ เพื่อฟังคําตอบจากนางทองร่อนว่าจะตกลงปลงใจอย่างไร
- เขานางทองร่อน เป็นสถานที่ที่เผาศพนางทองร่อน
- อําเภอท่าแซะ
ท่าแซะ หมายถึงริมท่าที่มีต้นแซะเห็นเด่นชัดแต่ไกล ต้นแซะเป็นพันธุ์ไม้ภาคใต้เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางมีใบดกและยอดกินได้ ท่าแซะขึ้นกับเมืองชุมพรมาตั้งแต่โบราณ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๐ จึงได้รับการยกฐานะเป็นอําเภอท่าแซะ อีกครั้งจนถึงทุกวันนี้
- อำเภอทุ่งตะโก
อําเภอนี้เดิมเป็นเมืองตะโกและเป็นเมืองบริวารของเมืองชุมพร ชื่อเมืองตะโกปรากฏในเอกสารสมัยรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งกล่าวถึงการปักปันเขตแดนเมืองหลังสวน เมืองตะโก เมืองสวี และเมืองระนอง ในปี พ.ศ. ๒๔๔๐ เมืองตะโกถูกยุบขึ้นกับเมืองสวี แล้วเรียกรวมกันว่าอําเภอสวี จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๓๕ รับการยกฐานะเป็นอําเภอทุ่งตะโกอีกครั้ง ทุ่งตะโกหมายถึงทุ่งนาที่มีต้นตะโกขึ้นชุกชุม ต้นตะโกเป็นไม้ชนิดหนึ่งมีเปลือกสีดําคล้ำ ผลคล้ายมะพลับแต่รูปทรงทุยเหมือนมะตูม ต้นตะโกมี ๒ ชนิดคือตะโกบ้านและตะโกนา
- อำเภอปะทิว
ปะทิวเป็นเมืองจัตวาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์ พ.ศ. ๒๔๔๑ เมืองปะทิวก็ยกฐานะขึ้นเป็นอําเภอ และขึ้นต่อจังหวัดชุมพร อําเภอนี้มีพื้นที่อยู่ติดกับอําเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเคยถูกพายุเกย์ถล่มเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๒ ที่มาของคําว่า “ปะทิว” บางท่านบอกว่ามาจากคําว่า "ทิวแถว" เหตุเพราะท้องทะเลเขตอําเภอปะทิวจะมีเกาะแก่งตั้งเรียงรายเป็นทิวแถวให้เห็นยามเมื่อล่องเรือเที่ยวชม นอกจากนี้คําว่าปะทิวในภาษามลายูคือเปอร์ทีวี (Pertiwi) หมาย ถึงแผ่นดิน ซึ่งยืมคําภาษาบาลีมาใช้ คือคําว่า “ปฐวี” เช่นเดียวกับภาษาไทย ที่มีคําว่า “ปฐพี” ใช้เช่นกัน เล่ากันว่าในอําเภอปะทิวมีชายหาดสวยงามแห่งหนึ่งชื่อ “หาดทุ่งวัวแล่น” ซึ่งเดิมชายหาดแห่งนี้มีอาถรรพณ์คือสัตว์ตัวใดถูกพรานยิงบาดเจ็บสาหัส สัตว์ตัวนั้นก็ยังสามารถแล่นหลบหนีไปได้ทุกครั้ง ดังวัวป่าตัวหนึ่งถูกพรานยิงล้มลง จากนั้นมันลุกขึ้นแล่นหนี เหล่านายพรานออกตามโดยดูจากรอยเลือดและสามารถล้อมยิงวัวป่าตัวนั้น จนกระทั่งเห็นมันล้มลงตายชาวบ้านจึงช่วยกันถลกหนังของวัวป่าออกมาได้ครึ่งตัว และด้วยอารมณ์สนุก นายพรานและชาวบ้านจึงพูดว่า “พรรณนี้แล้วยังไม่ได้กินก็เก่งครัน พลันวัวป่าตัวนั้นก็ลุกขึ้นแล่นหนีไปได้อย่างน่าประหลาด” จึงได้ฝากชื่อของมันไว้ ณ ชายหาดแห่งนี้จนบัดนี้
- อำเภอพะโต๊ะ
พะโต๊ะเคยขึ้นกับเมืองหลังสวนก่อนยกฐานะขึ้นเป็นอําเภอเมื่อปี พ.ศ ๒๔๗๕ ต่อมาเมืองหลังสวนถูกยุบเป็นอําเภอ ส่วนพะโต๊ะได้ยกขึ้นเป็นอําเภอขึ้นกับจังหวัดชุมพร “พะโต๊ะ” เป็นคํามลายู โดยมีเรื่องเล่ากันว่า.... ตาเจ๊ะเป็นมุสลิมจากเมืองไชยามาตั้งครอบครัวที่บ้านไสงอ ชาวบ้านแถบนั้นเรียกตาเจ๊ะว่า "ดะโต๊ะ" ซึ่งหมายถึงผู้อาวุโสควรแก่การเคารพ ภายหลังคําว่า ดะโต๊ะ เพี้ยนเสียงกลายเป็น "พะโต๊ะ" คําว่า “พะโต๊ะ” ออกเสียงใกล้เคียงกับภาษามลายูท้องถิ่นว่า “ปาโตะ” (Patou) แปลว่าสมควรหรือเหมาะสมจากความหมายดังกล่าวคงหมายถึงสถานที่ที่เหมาะสมในการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือน
- อำเภอละแม
ละแมในอดีตมีฐานะเป็นตําบลละแมขึ้นกับอําเภอหลังสวน ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ทางราชการ ได้ยกฐานะขึ้นเป็นกิ่งอําเภอละแม และต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๐ จึงได้ยก ฐานะเป็นอําเภอละแม คำว่า “ละแม” ตรงกับคํามลายูถิ่นว่า “ละแม” (Lamae) และตรงกับคํามลายูกลางว่า “ฮาลามัน” (Halaman) คํามลายูทั้ง ๒ คํานี้ หมายถึงลานโล่งหรือบริเวณหมู่บ้าน และเนื่องจากเขตชุมพร ระนอง อยู่ใกล้เขตมอญและพม่า คําว่าละแมเป็นคําใกล้เคียงภาษาพม่า ในพจนานุกรมพม่า-อังกฤษ อธิบายคําว่าละแม (Lamae) หมายถึงต้นพืชขนาดเล็กมักขึ้นริมน้ำกร่อย
- อำเภอสวี
สวี ชื่อนี้มีเค้าว่าเดิมน่าจะเป็น “กะละวี” หรือ “กราวี” คือปากน้ำวี แล้วจึงกลายเป็นกวีเป็นฉวีในที่สุด คําว่าสวีมาจากคําว่า “กาวี" ซึ่งชาวบ้านออกเสียงว่า “กาวี” หมายถึงกาวีปีกหรือกากระพือปีก โดยมีเรื่องเล่าว่ากันว่าสถานที่บริเวณนั้นมักมีฝูงกาบินวนเวียนไปมาจนดูน่าอัศจรรย์ ต่อมาพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราชเสด็จกลับจากทําศึกกับพระเจ้าอู่ทอง เมื่อผ่านสถานที่ดังกล่าวและทอดพระเนตรเสาเหล็กปักอยู่หนึ่งเสา จึงรับสั่งให้ไพร่พลชุดพื้นดินบริเวณนั้นและพบผอบทองคําบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชจึงเกณฑ์ไพร่พลสร้างพระบรมธาตุเจดีย์และอารามขึ้น ณ บริเวณนั้น ชาวบ้านจึงเรียกบริเวณนั้นว่า “พระบรมธาตุเจดีย์กาวีและวัดกาวี" ตามเหตุการณ์ที่ปรากฏเป็นครั้งแรกนั้นคําว่า “กาวี” ชาวบ้านก็ออกเสียงเป็น “กาหวี” ต่อมากาหวีเพี้ยนเสียงคําหน้ากลายเป็น “สวี” เพื่อให้เสียงไพเราะและมีความหมายชวนฟัง นอกจากนั้นยังมีเรื่องเกี่ยวกับพระบรมธาตุเจดีย์กาวีนั้นด้วย โดยเล่ากันว่าก่อนmujพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชเสด็จกลับนครศรีธรรมราช พระองค์ทรงประกาศหาผู้เฝ้าดูแลพระบรมธาตุเจดีย์ ปรากฏว่ามีชาวบ้านชื่อนายเมืองขออาสาพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช จึงรับสั่งให้ตัดศีรษะนายเมือง แล้วตั้งศาลเพียงตาขึ้นเพื่อการเซ่นสรวง และเพื่อให้ผีนายเมืองอยู่เฝ้ารักษาพระบรมธาตุเจดีย์ ต่อมาภายหลังจึงเรียกว่า “ศาลพระเสื้อเมือง” แต่ชาวบ้านมักเรียกว่า “ศาลพ่อท่านเมือง” อีกตํานานหนึ่งของอําเภอสวี น่าจะมาจากคําว่า “ฉวี” หมายถึงหญิงสาวผู้มีผิวพรรณเนียนงาม ดังเล่ากันว่าคลองสวีมีต้นน้ำมาจากเขาทะลุ ตรงจุดที่เป็นต้นน้ำในตําบลเขาทะลุมีหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งซึ่งมีรูปร่างคล้ายผู้หญิงจึงเชื่อกันว่า เดิมคลองนี้อาจมีชื่อว่า "คลองฉวี" ขณะเดียวกันมักมีคําชมว่าหญิงสาวชาวบ้านริมคลองแห่งนี้มีผิวพรรณสวยงามอีกด้วย ต่อมาคําว่า "ฉวี" เกิดการเพี้ยนเสียงกลายเป็น สวี" มาจนบัดนี้
- อำเภอหลังสวน
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๙ ทางการได้จัดตั้งมณฑลชุมพรขึ้นมา (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นมณฑลสุราษฎร์ธานี) โดยมีเมืองปกครอง ๔ เมือง ประกอบด้วย ชุมพร ไชยา หลังสวน และกาญจนดิษฐ์ ส่วนสถานที่ตั้งกองบัญชาการมณฑลตั้งขึ้น ณ เมืองชุมพร ต่อมาได้โยกย้ายมาตั้งที่เมืองสุราษฎร์ธานี หลังสวนมีฐานะเป็นเมืองจัตวามีอําเภออยู่ในการปกครอง คืออําเภอเมืองหลังสวน อําเภอสวี อําเภอพะโต๊ะ และอําเภอประสงค์ ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๔๙ อําเภอประสงค์ถูกโอนย้ายไปขึ้นกับเมืองไชยา (ปัจจุบันอําเภอประสงค์คืออําเภอท่าชนะ ซึ่งเป็นอําเภอหนึ่งของสุราษฎร์ธานี) ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ทางราชการได้ยุบเมืองหลังสวนแล้วตั้งเป็นอําเภอหลังสวน และเปลี่ยนชื่อเป็นอําเภอขันเงินให้ขึ้นกับจังหวัดชุมพร ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๘๑ อําเภอขันเงินก็ถูกเปลี่ยนชื่อให้เป็นอําเภอหลังสวนตามเดิม คําว่า หลังสวน บ้างก็ว่ามาจากคลังสวนหรือรังสวน หมายถึงพื้นที่ ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสวนผลไม้ เสมือนคลังหรือรังของพืชผลอันพร้อมพรั่ง ในพจนานุกรมภาษามลายู-ภาษาไทยของอาซิส บิน มูฮัมมัด อีชา ได้อธิบายคําว่าหลังสวนซึ่งเป็นคํามลายูว่า “ลังซวง” (Langsuang) หมายถึงความมั่นคงถาวร การกระทําที่ต่อเนื่องกัน อีกคําหนึ่งคือ “เบอร์ลังซวง” (Berlangsuang) หมายถึงการชุมนุม การอยู่ร่วมกัน สงคราม
ทีมาของคําว่า “หลังสวน" คําว่าหลังสวนบ้างก็ว่ามาจากคลังสวนหรือทั้งสวน หมายถึงพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสวนผลไม้ เสมือนคลังหรือรังของพืชผลอันพร้อมพรั่ง เมื่อผู้คนที่ผ่านไปมาบนเส้นทางหลังสวน-ชุมพร จะเห็นผลไม้วางขายเต็มทั้งสองฟากถนน ไม่ว่าจะเป็นเงาะ ทุเรียน ลางสาด ระกํา สละ มังคุด จําปาดะ และกล้วยเล็บมือนางสุกเหลืองน่ารับประทาน ในพจนานุกรมภาษามลายู-ภาษาไทย ของอาซิส บิน มูฮัมมัด อีซา ได้อธิบายคําว่าหลังสวน ซึ่งเป็นคํามลายูว่า “ลังซวง” (Langsuang) หมายถึงความมั่นคงถาวร การกระทําที่ต่อเนื่องกัน อีกคําหนึ่งคือ “เบอร์ลังซวง” (Berlangsuang) หมายถึงการชุมนุม การอยู่ร่วมกัน สงคราม ซึ่งมีความหมายตรงกับคําว่าชุมพร ในแง่เกี่ยวกับชุมนุมพลเพื่อทําสงคราม ที่มาของชื่อบ้านนามเมืองที่น่าสนใจในอำเภอหลังสวน เช่น
- หมู่บ้านเขาวอ คือหมู่บ้านหนึ่งในตําบลบ้านควน อําเภอหลังสวน ที่นี่มีเรื่องเล่ากันว่า.... วันหนึ่งมีเจ้าเมืององค์หนึ่งไม่ทราบพระนามชัดเจนประทับวอเสด็จมา (วอคือยานพาหนะที่มีหลังคาเป็นรูปเรือนใช้คนแบกหาม) โดยมีข้าทาสบริวารตามเสด็จและได้ขนทองคําจํานวนมากไปด้วย โดยใช้วอในการขนทั้งหมดถึงสามหลัง ขณะเดินทางเกิดอาเพศ ทําให้ยอดของวอหรือหลังคาหัก สะบั้นลงมา เจ้าเมืองจึงรับสั่งให้ทหารนําวอและทองคําไปฝังไว้ในถ้ํา เมื่อทุกคนเข้าไปในถ้ําปรากฎว่ามีก้อนหินก้อนหนึ่งหล่นลงมาปิดปากถ้ํา ทําให้ผู้คนและทองคําติดอยู่ในถ้ํา สถานที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “เขาวอ” มาจนทุกวันนี้
- เกาะพิทักษ์ คือชื่ออย่างเป็นทางการของเกาะแห่งหนึ่งที่อยู่เลยฝั่งทะเลหลังสวนออกไป ซึ่งเดิมชาวบ้านเรียกเกาะนี้ว่า “เกาะผีทัก” เหตุที่เรียกกันเช่นนี้เล่ากันว่า....มีชาวบ้านคนหนึ่งล่องเรือหาปลาผ่านมายังเกาะนี้ แล้วมองเห็นชาวเกาะกวักมือเรียก แต่เมื่อนําเรือเข้าไปใกล้เกาะ กลับไม่เห็นผู้คนและบ้านเรือน จึงเข้าใจว่าถูกผีหลอกชาวบ้านจึงเรียกเกาะแห่งนี้ว่า “เกาะผีทัก” หรือ “ผีทักทาย” ต่อมาทางการจึงเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า “เกาะพิทักษ์”
- บ้านสลุยและบ้านวังครก สองหมู่บ้านนี้ติดเขตแดนพม่า มีช่องทางเดินถึงกันเรียกว่า “ช่องทัพ-ต้นไทร” และเป็นค่ายพักทหารไทยที่ไปรักษาเขตแดน ซึ่งมีเรื่องเล่ากันว่า...ชาวชุมพรซึ่งอยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้นจํานวนหนึ่งเข้าไปช่วยทหารตําข้าวสาร ด้วยการขนสากและครกจํานวนมากไปด้วย วันหนึ่งขณะตําข้าวมีข่าวด่วนว่า พม่ากําลังยกทัพมาชาวชุมพรพากันตกใจเลยทิ้งสากไว้บริเวณนั้นจนดูกลาดเกลื่อน... ชาวบ้านจึงเรียกสถานที่ตรงนั้นว่า “บ้านสากลุย” (ลุยเป็นภาษาถิ่นใต้หมายถึงจํานวนมาก) ต่อมาเสียงเรียก "บ้านสากลุย" และเพี้ยนกลายเป็น “บ้านสลุย” ส่วนครกตําข้าวถูกทิ้งลงคลองท่าแซะแล้วลอยหายลงไปในวังน้ําวน สถานที่ตรงนั้นจึงเรียกว่า “วังครก” มาจนทุกวันนี้
- บ้านรับร่อ ชื่อบ้านรับร่อ ในอําเภอท่าแซะ มาจากคําว่า "ทัพรอ” หรือ “รอทัพ" โดpมีเรื่องเล่ากันว่า...ทหารพม่าที่เข้ามาทางปากน้ําชุมพรเพื่อมาดักรอทัพของพวกตนอยู่ตรงนั้น ได้เข้าไปขุดหาทองใต้ฐานพระพุทธรูป (พระหลักเมือง) ส่งผลให้ทหารพม่าต้องอาถรรพณ์พากันล้มตายไปหลายคน ส่วนที่รอดตายต่างมานั่งรอทัพต่อ แต่ไม่วายต้องนั่งเกาตัวกันยุ่บยั่บ เพราะใช้ใบลังตังช้างปูนอนใบลังตังช้าง เป็นใบไม้มีพิษทําให้เกิดอาการคันและจะคันมากขึ้น
แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ
๑. ปากน้ําชุมพร ปากน้ำชุมพรอยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ ๑๓ กิโลเมตร มีหมู่บ้าน ชาวประมง และจากปากน้ําชุมพรแห่งนี้สามารถเดินทางสู่ท้องทะเล และท่องเที่ยวไปตามเกาะต่าง ๆ ได้ เช่น เกาะเสม็ด เกาะนี้มีงูชุกชุม เกาะมัตตา หรือเกาะตังกวย เป็นแหล่งหอยมือเสือ มีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจํานวนมาก ธรรมชาติเหมาะแก่การแค้มป์ปิ้ง |
๒. หาดทรายรี หาดทรายรีสถานที่ประดิษฐานศาลเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร และอนุสรณ์เรือหลวงชุมพร นับเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวสําคัญของจังหวัดชุมพรแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยว ทุกคนที่ไปเยือนจังหวัดชุมพร มักจะแวะไปกราบไหว้พระรูปหล่อของเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพรที่หาดทรายรี |
๓. เกาะรังกาจิว เกาะรังกาจิว เป็นแหล่งที่มีนกนางแอ่นมาทํารังอยู่จำนวนมาก เป็นรังนกนางแอ่นที่มีคุณภาพสูง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จประพาสเกาะรังกาจิ ถึง ๓ ครั้ง และทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ไว้ตรงชะโลกหินหน้าปากถ้ําบนเกาะรังกาจิวด้วย |
๔. หาดทุ่งวัวแล่น หาดทุ่งวัวแล่นเป็นชายหาดที่มียาวหลายกิโลเมตร อยู่ในเขตอําเภอปะทิว จากตัวเมืองชุมพรไปประมาณ ๑๒ กิโลเมตร เป็นชายทะเลที่สวยงาม และน่าเล่นน้ําที่ดีที่สุดของชุมพร |
๕. ถ้ําเขาเงิน ถ้ําเขาเงินอยู่ในเขตอําเภอหลังสวน เป็นถ้ําขนาดเล็ก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) เคยเสด็จประพาส และได้จารึกพระปรมาภิไธย จปร. ไว้ที่ปากถ้ําไว้ |
๖. ถ้ําเขาเกรียบ ถ้ําเขาเกรียบเป็นถ้ําขนาดใหญ่และสวยงามมาก อยู่ในเขตอําเภอหลังสวน ปากถ้ําอยู่บนเชิงเขาสูง ปัจจุบันมีบันไดขึ้นไปประมาณ ๓๐๐ ชั้น ภายในถ้ําเขาเกรียบ งดงามด้วยหินงอกหินย้อย คูหาถ้ํากว้างใหญ่สวยงา |
๗. เกาะง่ามใหญ่ ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร อยู่ทางทิศตะวันออกของอ่าวชุมพร เกาะง่ามใหญ่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร มีพื้นที่ ๐.๑๑๘ ตารางกิโลเมตร (๗๕ ไร่) ความกว้างของตัวเกาะ ๒๐๐ เมตร ยาว ๙๐๐ เมตร มียอดเขาสูง ๑๐๓ เมตร เป็น สัมปทานเก็บรังนกนางแอ่น มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนที่มีหน้าผาสูงชัน มีโพรงถ้ำหลายแห่ง เป็นที่อยู่ของนกนางแอ่น รอบเกาะไม่มีชายหาดแนวปะการังก่อตัวเป็นแบบแนวปะการัง ริมฝั่ง สามารถแบ่งเขตได้อย่างชัดเจน ปะการังทางทิศตะวันตก ความกว้างของ แนวอยู่ระหว่าง ๒๐-๕๐ เมตร สิ้นสุดที่ระดับน้ำลึก ๔-๕ เมตร ทิศตะวันออก เป็นกลุ่มปะการังบนโขดหิน ความกว้าง ๓๐ เมตร สิ้นสุดที่ระดับน้ำลึกระหว่าง ๕-๗ เมตร มีกองหินขนาดใหญ่ เรียงซ้อนกันทำให้เกิดถ้ำใต้น้ำ สามารถ ดำน้ำลอดถ้ำได้ ทิศตะวันตกน้ำจะตื้น พื้นทะเลเป็นทรายบางจุดจะพบดอกไม้ทะเล หนาแน่น รอบชายฝั่งระดับน้ำลึก ๕-๑๕ เมตร เกาะง่ามใหญ่จัดเป็นจุดดำน้ำที่มีชื่อของจังหวัดชุมพร ทิศเหนือของเกาะง่ามใหญ่มีหินแพ เป็นจุดดำน้ำที่สวยงามและเป็นที่นิยม ของนักท่องเที่ยวที่ดำน้ำแบบดำน้ำลึก มี ลักษณะเป็นกองหินปริ่มน้ำที่เรียงซ้อนกันลึกลงไปถึง ๒๐-๒๕ เมตร สัตว์ทะเลที่พบได้แก่ปะการังดอกเห็ด ปะการังวงแหวน ปะการังรังผึ้ง ปะการังสมองลายตาข่าย หนอนท่อ ทากทะเลขาวจุดดำ ดาวเปราะ ปลิงดำ ปลาอมไข่ลายห้าเส้น ปลากระทุง-เหว ปลากล้วย ปลาผีเสื้อลายทะแยง ปลา ผีเสื้อปากยาว ปลาข้าวเม่าน้ำลึก ปลานก-ขุนทอง และปลาสินสมุทรลายน้ำเงิน เป็นต้น |
๘. เกาะง่ามน้อย ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร อยู่ห่างจากเกาะง่ามใหญ่ไปทางใต้ประมาณ ๕๐๐ เมตร เกาะง่ามน้อยเป็นเกาะขนาดเล็ก กว้าง ๑๐๐ เมตร ยาว ๓๐๐ เมตร รวมพื้นที่ ๐.๓๒ ตารางกิโลเมตร (๑๙ ไร่) มียอดเขาสูง ๕๘ เมตร อยู่ใน เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เป็น เกาะสัมปทานเก็บรังนกนางแอ่น ลักษณะของเกาะเป็นหินปูน มีหน้าผาสูงชัน มีถ้ำโพรงเป็นที่อยู่ของนกนางแอ่น เกาะนี้ไม่มีชายหาด ทิศใต้ของเกาะง่ามน้อย คือจุดที่ เรือหลวงปราบ (๗๔๑) ถูกนำวางลงใต้ท้อง ทะเลเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้เรือหลวง ไทยใต้ท้องทะเล และใช้เป็นแหล่งปะการังเทียมเพื่อที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ เกาะนี้ถือเป็นแหล่งดำน้ำที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์เพื่อช่วยรักษาแนวปะการังตามธรรมชาติแนวปะการังเกาะง่ามน้อยก่อตัวขึ้น ทางทิศตะวันตกเป็นแนวปะการังริมฝั่ง สามารถแบ่งเขตได้อย่างชัดเจน ความกว้างของแนวปะการังอยู่ระหว่าง ๒๐-๕๐ เมตร สิ้นสุดที่ระดับน้ำลึก ๔-๕ เมตร ทางทิศตะวันออกเป็นกลุ่มปะการังบนโขดหิน แนวปะการังกว้าง ๑๐ เมตร สิ้นสุดที่ระดับน้ำลึก ๕-๗ เมตร สัตว์ทะเลที่พบ ได้แก่ฟองน้ำท่อพุ่ม แดง ไฮดรอย ปลิงดำ ทากเปลือย หอย มือเสือ ปูม้า ปูปะการัง ดาวหมอนปัก-เข็ม เม่น ดอกไม้ทะเล ปลาไหลมอเรย์ ปลาเก๋า ปลาหูช้างครีบยาว ปลาผีเสื้อหลายชนิด |
๙. เกาะจระเข้ ตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร อยู่ทิศตะวันออกของอ่าวทุ่งวัวแล่น ห่างจากฝั่งไป ๑๑ กิโลเมตร เป็นเกาะขนาดเล็กมีความยาว ๖๕๐ เมตร กว้าง ๑๕๐ เมตร พื้นที่รวม ๐.๐๗๘ ตารางกิโลเมตร (๙๕ ไร่) มียอดเขาสูง ๔๒ เมตร อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ-หมู่เกาะชุมพร พื้นที่ชายฝั่งเป็นโขดหิน ยกเว้นด้านทิศตะวันตกเป็นหาดทรายแนวปะการังก่อตัวขึ้นรอบเกาะบน พื้นทราย ฝั่งทิศตะวันตกและทิศใต้ ทิศตะวันออกมีปะการังขึ้นบนโขดหินทางตอนใต้ แนวปะการังกว้าง ๙๐-๑๐๐ เมตร ส่วนใหญ่มีสภาพสมบูรณ์ปานกลางถึ ความสมบูรณ์ดีมาก พบปะการังโขด ปะการังดอกกะหล่ำ ปะการังเขากวาง และฝูงปลาหลากหลายชนิดอาศัยอยู่อย่าง กชุม เหมาะกับการท่องเที่ยวดำน้ำ |
๑๐. เกาะทองหลาง ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร อยู่ไปทางทิศตะวันออกของอ่าวทุ่งมะขามน้อย ห่างจากฝั่ง ๕ กิโลเมตร บริเวณด้านหน้าของเกาะลังกาจิว ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เป็นเกาะขนาดกลางมีพื้นที่ ๐.๑๔๗ ตารางกิโลเมตร วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ พื้นที่ชายฝั่งส่วนใหญ่เป็นโขด หินยื่นไปในทะเล ยกเว้นทิศตะวันตกของ เกาะมีหาดทรายขนาดเล็กแนวปะการังเกาะทองหลางมีพื้นที่ ๐.๑๕ ตารางกิโลเมตร ก่อตัวได้ดีด้านทิศตะวันตก มีความกว้าง ๑๐๐ เมตร ที่ระดับความลึก ๓-๕ เมตร ด้านทิศตะวันออก ปะการังก่อตัวขึ้นบนแนวหินมีความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการังดีมาก พบปะการังเขากวาง ปะการังโขด ปะการังลายดอกไม้ ปะการังดาวใหญ่ และพบสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด เป็นจุดดำน้ำตื้นที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่งในจังหวัดชุมพร |
๑๑. เกาะทะลุ ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร อยู่ทางทิศตะวันออกของอ่าวชุมพร ห่างจากฝั่ง ๑๔ กิโลเมตร ด้านทิศเหนือติดเกาะมัตรา (เกาะมาตราหรือเกาะตังกวย) ด้านทิศใต้เป็นเกาะหินปูน เกาะทะลุมีขนาดเล็กขนาดพื้นที่ ๐.๐๐๖ ตารางกิโลเมตร (๑๑ ไร่) บนเกาะมีโพรงและถ้ำขนาดใหญ่ หลายถ้ำแนวปะการังแบบริมฝั่ง ก่อตัวขึ้นทางทิศเหนือและทิศใต้ ระยะห่างจากฝั่ง ๑๐๐-๑๕๐ เมตร พื้นที่รวม ๐.๐๒๖ ตารางกิโลเมตร ที่ระดับความลึก ๙ เมตร ด้านตะวันตกมีแนวปะการังขนาดเล็ก ซึ่งเป็นปะการังก้อนขนาดใหญ่กระจายอยู่บนพื้นทราย ปะการังที่พบส่วนใหญ่ ได้แก่ปะการัง เขากวาง ปะการังโขด และพบสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด ได้แก่ดาวหมอนปักเข็ม ฟองน้ำครก นับเป็นแหล่งดำน้ำดูปะการัง ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดชุมพร |
๑๒. เกาะพิทักษ์ ตำบลบาง-น้ำจืด อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ห่างจากชายฝั่ง ๑ กิโลเมตร เกาะมีขนาดเล็กมีภูเขาสูงอยู่ทางทิศตะวันออก พื้นที่ชายฝั่ง ทางทิศเหนือเป็นโขดหินขนาดใหญ่ และมีจุดชมวิวที่ระดับความสูง ๒๐๐ เมตร นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวเกาะต่าง ๆ ได้แก่เกาะเต่า เกาะสมุย และเกาะพะงัน เป็นต้น ทิศตะวันตกและทิศใต้มีชายฝั่งเป็น โขดหินเช่นกัน ยกเว้นด้านทิศตะวันออกมีหาดทรายยาว ๔๕๐ เมตร หาดทรายกว้าง และยาวต่อเนื่องเข้าหาชายฝั่งบริเวณเขาช่องโหว่เกาะมีประชากรอาศัยอยู่ ๔๐ หลังคาเรือน อาชีพหลักคือทำประมง ทำสวน มะพร้าว ทำงานบริการด้านการท่องเที่ยว เกาะพิทักษ์เป็นที่ตั้งศูนย์อนุรักษ์หอยมือเสือ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมหอยมือเสือและปะการังนานาชนิดได้ บนเกาะพิทักษ์มีถนนตัวหนอนรอบเกาะ นักท่องเที่ยว สามารถเดินเที่ยวรอบเกาะได้หรืออยาก น้ำดูปะการัง ก็สามารถติดต่อเช่าเรือเหมาลำได้จากชุมชนบนเกาะ |
๑๓. เกาะมะพร้าว ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ห่างจากหาด ทรายรี ๑ กิโลเมตร อยู่ในเขตอุทยานแห่ง ชาติหมู่เกาะชุมพร เป็นเกาะขนาดเล็ก มีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมูมีฐานติดกับขายฝั่ง เกาะมีสภาพภูมิทัศน์สวยงาม มีถ้ำหลายแห่งนกนางแอ่นอาศัยอยู่ เกาะมะพร้าวเป็นเกาะ สัมปทานเก็บรังนกนางแอ่น เกาะมะพร้าวมีชายฝั่งทิศตะวันออก ทิศใต้เป็นโขดหิน และทิศตะวันตกเป็นหาดทรายขนาดเล็ก มีความยาว ๕๐ เมตร เกาะมะพร้าวมีพื้นที่แนวปะการัง ๐.๐๕๓ ตารางกิโลเมตร ทางทิศตะวันตกของเกาะยังมีแนวปะการังอยู่ริมฝั่งก่อตัวทางทิศ เหนือและทิศใต้ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือปะการังก่อตัวบนโขดหิน ทิศตะวันตกและปลายเกาะทิศใต้ปะการังก่อตัวขึ้นบนพื้นทราย ความกว้างของแนวปะการังอยู่ระหว่าง ๓๐-๘๐ เมตร ที่ระดับความลึก ๑๐๕ เมตร ปะการังมีความสมบูรณ์ปาน-กลางถึงสมบูรณ์ดี ปะการังที่พบได้แก่ปะการังโขด ปะการังดาวใหญ่ เป็นต้น |
๑๔. เกาะมัตราหรือเกาะมาตรา หรือเกาะตังกวย อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ตั้งอยู่ห่างจากปากน้ำชุมพร ๑๒ กิโลเมตร และห่างจากหาดทรายรี ๒ กิโลเมตร เกาะมีความกว้าง ๕๕๐ เมตร ยาว ๒.๘ กิโลเมตร พื้นที่รวม ๔๐๐ ไร่ มียอดเขาสูง ๑๓๓ เมตร จากระดับทะเลปานกลาง เกาะมัตรามีหาดทรายขาวสลับกับโขดหิน ลักษณะทรายปนกับก้อนหินและเปลือกหอย ยังคงความเป็นธรรมชาติไว้อย่างสมบูรณ์ พบสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ อาศัยอยู่เป็น จํานวนมาก เช่น ค้างคาว ปูไก่ และยังเป็น แหล่งอาศัยของหอยมือเสือแนวปะการังเกาะมัตราเป็นแบบ ปะการังริมฝั่ง ก่อตัวได้ดีที่ระดับความลึกระหว่าง ๑-๘ เมตร มีพื้นที่รวม ๐.๔๙ ตารางกิโลเมตร ความกว้างของแนวปะการัง ๕๐-๑๐๐ เมตร ส่วนใหญ่มีความสมบูรณ์ปานกลาง ปะการังที่พบได้แก่ปะการัง เขากวาง ปะการังโต๊ะ ปะการังโขด ปะการัง ดอกกะหล่ำ และพบสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด เหมาะกับการดำน้ำชมปะการังทั้ง แบบน้ำลึกและน้ำตื้น |
๑๕. เกาะแรด ตำบลด่านสวี อำเภอสวี จังหวัดชุมพร อยู่ห่างจากอ่าวกรวดใหญ่ ไปทางตะวันออก ๔ กิโลเมตร ห่างจากหาดทรายรี ๑๑ กิโลเมตร อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เกาะมีความกว้าง ๒๕๐ เมตร ยาว ๒๕๐ เมตร พื้นที่รวม ๐.๒๒ ตารางกิโลเมตร (๔๐ ไร่) มี ยอดเขาสูง ๔๖ เมตร จากระดับทะเล ปานกลางขายฝั่งเป็นโขดหินไม่มีหาดทราย มี พื้นที่แนวปะการัง ๐.๐๑๘ ตารางกิโลเมตร แนวปะการังก่อตัวขึ้นด้านทิศตะวันตก ความกว้าง ๕๐-๑๐๐ เมตร ที่ระดับความลึก ๑-๕ เมตร บริเวณทิศตะวันออกพบปะการังก่อตัวขึ้นบนแนวหิน ปะการังส่วนใหญ่ที่พบได้แก่ปะการังโขด ปะการังเขากวาง ปะการังแบบเคลือบปะการังจาน และปะการังดอกกะหล่ำ |
๑๖. เกาะละวะ อำเภอเมืองชุมพร จังหวัด ชุมพร อยู่ห่างจากปากน้ำชุมพรไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ๑๔ กิโลเมตร อยู่ไปทางทิศใต้ของเกาะมะพร้าวและเกาะแรด ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เป็นเกาะขนาดเล็กมีพื้นที่เป็นภูเขาสูง พบพรรณไม้ขึ้นตามเกาะหลากหลายชนิด แนวปะการังเกาะละวะเป็นแนวปะการัง รอบ ๆ เกาะมีพื้นที่แนวปะการัง ๐.๗๕ ตารางกิโลเมตร ความกว้างของแนวปะการัง ๓๐-๑๐๐ เมตร ที่ระดับความลึก ๑ -๕ เมตร แนวปะการังมีสภาพความสมบูรณ์ดีมาก ปะการังส่วนใหญ่ที่พบได้แก่ปะการังเขากวาง ปะการังต๊ะ ปะการังโขด ปะการังดอกไม้ทะเล ปะการังดอกกะหล่ำ ปะการังไฟแบบแผ่น และพบสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด เกาะละวะเป็นจุดดำน้ำดูปะการังที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว |
๑๗. เกาะลังกาจิวหรือเกาะรังนก ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร อยู่ห่างจากชายฝั่งไป ๔.๕ กิโลเมตร ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เป็นเกาะขนาดเล็กได้รับสัมปทานเก็บรังนกนางแอ่น พื้นที่เกาะรวม ๐.๒๓ ตาราง กิโลเมตร ชายฝั่งด้านทิศตะวันออกมีลักษณะเป็นหาดหิน ด้านทิศตะวันตกเป็นชายหาดทรายปนหิน บนเกาะมีสังคมป่า ชายหาด พืชพรรณอุดมสมบูรณ์ เกาะลังกาจิว มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เนื่องจากในอดีตโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) เคยเสด็จประพาสเพื่อทอดพระเนตรการเก็บรังนก โดยมีลายพระหัตถ์จารึกพระปรมาภิไธยย่อ จ.ป.ร. สลักบนหินหน้าไว้บริเวณปากทางเข้าถ้ำรังนก เกาะลังกาจิวมีทรัพยากรทางทะเลที่สมบูรณ์และสวยงาม แนวปะการังก่อตัวได้รอบเกาะ มีพื้นที่แนวปะการัง ๐.๒๕ ตารางกิโลเมตร ลักษณะเป็นแนวปะการัง อตัวขึ้นบนโขดหิน ด้านทิศตะวันออกทิศ เหนือ และทิศใต้ และปะการังก่อตัวบนพื้น ทราย ด้านทิศตะวันตกแนวปะการังกว้าง ๑๐๐ เมตร มีความอุดมสมบูรณ์มาก ยกเว้นทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่แนวปะการังมีความสมบูรณ์ปานกลาง ปะการังที่พบได้แก่ปะการังเขากวาง ปะการังโต๊ะ ปะการังดอกกะหล่ำ และพบสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด |
๑๘. เกาะเสม็ด อำเภอเมืองชุมพร จังหวัด ขุมพร เป็นเกาะขนาดใหญ่ มีรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยมที่มียอดแหลมอยู่ด้านทิศเหนือ พื้นที่บนเกาะมีลักษณะเป็นที่ราบสลับที่ลาดเนินเขาและภูเขา ทางทิศเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นชายฝั่งโขดหิน มีหาดทรายอยู่ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก หาดทรายโค้งเป็นรูปครึ่งวงกลม สวยงาม มีความลาดชันต่ำ มีการทำสวนมะพร้าวเพื่อส่งมะพร้าวมาขายในเมือง แนวปะการังเกาะเสม็ดเป็นปะการังแบบริมฝั่ง ก่อตัวได้รอบทางทิศตะวันออก ทิศตะวันตก และทิศตะวันออกเฉียงใต้ เกาะพื้นที่รวม ๐.๒ ตารางกิโลเมตร ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ส่วนใหญ่พบปะการังก่อตัวบนพื้นทราย แนวปะการังมีความกว้างระหว่าง ๕๐-๓๐๐ เมตร ที่ระดับความลึก ๑-๕ เมตร ปลายแหลมทิศตะวัน ออกและทิศเหนือพบปะการังก่อตัวบนโขดหิน โดยรวมพื้นที่แนวปะการังมีสภาพความสมบูรณ์ปานกลางถึงดีมาก ปะการังที่พบได้แก่ปะการังโขด ปะการังเขากวาง ปะการังดอกกะหล่ำ และพบสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด |
๑๙. แก่งบกไฟ ตำบลปากทรง อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร เป็นแหล่งท่องเที่ยวมีลักษณะเป็นเกาะแก่งอยู่กลางลำคลอง มีโขดหินน้อยใหญ่ผุดขึ้นกลางลำน้ำ การเดินทางต้องใช้การล่องแพ โดยเริ่มต้นจากน้ำตกเหวโหลม ใช้เวลา ๒ ชั่วโมง ตลอดสองฟากฝั่งจะได้พบกับความงาม ของธรรมชาติ และได้สัมผัสวิถีชีวิตพื้นถิ่นของขาวขนบทที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติที่มีคุณค่ายิ่ง |
๒๐. เขาดินสอ ตำบลบางสน อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เขาดินสอเป็นยอดเขาสูงที่ปกคลุมด้วยทุ่งหญ้าและพันธุ์ไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีความสูง ๔๐๐ เมตร จากระดับทะเลปานกลาง เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการเดินป่าผจญภัยและการดูนก โดยเฉพาะนกเหยี่ยวหลายสายพันธุ์ที่อพยพมาจากถิ่นอื่น การเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาต้องอาศัยการเดินเท้าใช้เวลา ๓๐ นาที เส้นทางเดินสะดวกผ่านป่าสีเขียวที่ขอุ่มไปด้วยพรรณไม้เฉพาะถิ่นของทางภาคใต้ บริเวณด้านบนเป็นลานกว้าง มีศาลาพักผ่อนเป็นระยะ นับเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพได้กว้างไกล ทั้งด้านทิศตะวันออกซึ่งเป็นท้องทะเลและหาดทุ่งวัวแล่น ส่วนทางทิศตะวันตกมองเห็นทางรถไฟ มีสวนผลไม้และสวนยางพารา บนยอดเขาดินสอสามารถกางเต็นท์ได้ แต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดูเหยี่ยว อพยพคือเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ในเวลาเข้า เวลา ๐๘.๐๐ - ๑๑.๐๐ นาฬิกา จะพบเหยี่ยวจำนวนมากและสังเกตมองเห็นได้ง่าย |
๒๑. เขาทุ่ง-น้ำตกคลองปิ ตำบลปากทรง เภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ลักษณะของทุ่งเป็นทิวเขาทอดตัวยาว เป็นสันปันน้ำแบ่งเขต ๓ จังหวัด ได้แก ชุมพร ระนอง และสุราษฏร์ธานี ผืนป่าบริเวณนี้มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติมาก เป็นป่าต้นน้ำคลองเสาะ อันเป็นคลองสายหลักของแม่น้ำหลังสวน ในเขาทุ่งมีน้ำตกคลองปิที่มีความสูง ๕๐ เมตร รายล้อมด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ การเดินทางสู่ตัวน้ำตกต้องอาศัยการเดินเท้าเท่านั้น เป็นเส้นทางที่ค่อนข้างอันตรายเพราะต้องข้ามภูเขาและหน้าผาสูงขัน ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางเท่านั้น |
๒๒. จุดชมวิวเขาเจ้าเมือง ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ปืนจุดชมวิวที่อยู่บนเขาเจ้าเมืองภูเขาสูงพิมทะเล บริเวณเดียวกันเป็นที่ตั้งของศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติ จังหวัดชุมพร บนยอดขามีจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถมองเห็นขายหาดและเกาะต่าง ๆ ในทะเลได้กว้างไกล โดยเฉพาะเกาะมะพร้าว ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด บริเวณเขาเจ้าเมืองมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทางประมาณ ๑ กิโลเมตร |
๒๓. จุดชมวิวเขามัทรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับชมวิวทิวทัศน์ สามารถมองเห็นทัศนียภาพแบบ ๓๖๐ องศา ทั้งทะเลชุมพร หาดภราดรภาพ ชุมชนขนาดใหญ่ และท่าเทียบเรือประมงบริเวณปากน้ำชุมพร พื้นที่ด้านบนของจุดชมวิวเป็นลานปูนกว้าง มีศาลาให้พักผ่อน มีพระโพธิสัตว์ อวโลกิเตศวร (พระโพธิสัตว์กวนอิม) ปางมหาราชลีลาให้สักการบูชา |
๒๔. ชุมชนไทยทรงดำ บ้านดอนรวบ ตำบลบางหมากและตำบลท่ายาง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เป็นชุมชนชาวไทยทรงดำ กลุ่มชาวลาวโซ่ง ที่อพยพมาจากอำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี เพื่อมาแสวงหาที่ทำกินแห่งใหม่ เริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ทั้งสองตำบลนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๕๐ ใช้ชื่อชุมชนว่าบ้านดอนรวม หมายถึงที่ดอนหลาย ๆ ดอนมารวมกัน ต่อมาเรียกเพี้ยนมาเป็นบ้านดอนรวบ อย่างที่ใช้เรียกในปัจจุบัน ชาวไทยทรงดำกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน ได้แก่กลุ่มพ่อค้าโคกระบือ และได้ชักขวนญาติพี่น้องเข้ามาอยู่รวมกัน จนจำนวนบ้านเรือนเริ่มมากขึ้นและกลายเป็นหมู่บ้านในเวลาต่อมา ขาวไทยทรงดำส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำสวน ทำนา ทำไร่ เป็นหลัก ใช้ภาษาถิ่นใต้ชุมพรและภาษาลาวโซ่ง มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมประเพณีของตนเอง เช่น ประเพณีเสนเฮือน เป็นประเพณีเซ่นไหว้ บรรพบุรุษ (ผีเรือน) จัดขึ้นในช่วงเดือน ๖-๗ โดยมีหมอผู้มีความรู้เกี่ยวกับ ประเพณีเป็นผู้นำในพิธี เช่นเดียวกับประเพณีป้าดตง เป็นประเพณีเซ่นไหว้ผีเรือนที่จัดขึ้นทุก ๑๐ วัน ตามความเชื่อว่าผีเรือนจะช่วยปกป้องคุ้มครองให้สมาชิกในครอบครัวให้มีความสุข และให้ที่ทำกินมีความอุดมสมบูรณ์ |
๒๕. ซากดึกดำบรรพ์เขาถ่าน ตำบลท่าหิน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร เป็นซากดึกดำบรรพ์ที่ค้นพบบริเวณเขาถ่าน ซึ่งมีลักษณะเป็นเขาหินปูนสลับกับหินดินดาน โดยมีอายุตั้งแต่ยุคคาร์บอนิเฟอรัสตอนปลายจนถึงยุคเพอร์เมียนตอนต้น (๓๐๐ - ๒๗๐ ล้านปี) ได้จัดอยู่ในกลุ่มหินแก่งกระจาน นักวิชาการ กรมทรัพยากรธรณี ทำการสำรวจพบซากดึกดำบรรพ์หลายชนิด ได้แก่ หอยกาบคู่ สัตว์ทะเลในไฟลัมมอลลัสกา (Mollusca) ส่วนใหญ่อาศัยอยู่บริเวณพื้นทะเลไบรโอซัว จัดอยู่ในไฟลัมไบรโอซัว (Bryozoa) อาศัยอยู่เป็นกลุ่มบริเวณทะเลตื้นยึดติดอยู่กับพื้นทะเล มีรูปร่างหลายแบบ ทั้งเป็นแผ่นบาง ๆ ติดอยู่กับก้อนหินหรือเปลือกหอยหรือรูปร่างคล้ายต้นไม้ขนาดเล็กใครนอยส์ หรือพลับพลึงทะเล เป็นสัตว์ทะเลในไฟลัมเอคิโนเดอร์ มาตา (Echinodermata) มีรูปร่างคล้ายต้นไม้ ประกอบด้วยส่วนหัวดูคล้ายกับดอกลำต้น และส่วนล่างคล้ายรากไม้ ทำหน้าที่ยึดเกาะกับพื้นทะเล บราคิโอพอด เป็นสัตว์ทะเลอีกจำพวกหนึ่งที่จัดอยู่ในไฟลัมบราคิโอโพดา (Brachiopoda) ส่วนใหญ่เกาะติดตามหินบริเวณน้ำตื้น มีลักษณะคล้ายหอยกาบคู่ เช่น หอยตะเกียง หอยแครง เป็นต้น ฟองน้ำเป็นสัตว์ทะเลในไฟลัมโพริเฟอรา (Porifera) มีลักษณะเป็นรูพรุนทั้งลำตัว น้ำสามารถไหลผ่านเข้าสู่กลางลำตัวที่มีลักษณะคล้ายกับถุงกรอง อาหาร ปะการัง และร่องรอยการขอนไข ของหนอนสกุล Helminthopsis sp. พบ มากในบริเวณนี้ โดยมีการอนุรักษ์และเก็บ รักษาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ชมและศึกษา |
ศาลกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
ศาลพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ตั้งอยู่บริเวณหาดทรายรีหาดทรายยาว ทรายขาวสะอาด ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานของพลเรือเอก พระบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตร์อุดมศักดิ์ ผู้ทรงสถาปนากองทัพเรือสมัยใหม่ให้กับประเทศไทย ทรงเป็นเสด็จเตี่ยของชาวเรือทั้งปวง และเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไปอนุสรณ์สถานประกอบด้วยศาลเจ้าพ่อกรมหลวงชุมพรฯหลังเก่าและหลังใหม่ที่สร้างขึ้นบนเนินเขา ซึ่งหาดทรายรีเป็นสถานที่สิ้นพระชนม์ของพระองค์ ตัวศาลอยู่บนเรือรบหลวงพระร่วงจำลองที่หันหน้าออกสู่ทะเล จึงเป็นจุดที่มองเห็นทิวทัศน์ของหาดทรายรีได้ชัดเจน ตลอดเวิ้งอ่าวด้านหน้าศาลฯ มีผู้คนมากราบไหว้และขอพร โดยมีเสียงจุดประทัดแก้บนอยู่ตลอดเวลา กรมหลวงชุมพรฯ เป็นที่เคารพของทหารเรือ นักเดินเรือ และชาวประมงมาก บริเวณภายนอกศาลสร้างเป็นรูปเรือจำลองจักรีนฤเบศร เรือจำลองมีขนาดกว้าง ๒๙ เมตร ยาว ๗๙ เมตร และสูง ๖ เมตร
ศาลหลักเมืองชุมพร
ศาลหลักเมืองชุมพรเป็นหลักเมืองที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองชุมพร จากการที่ประชาชนชาวชุมพรมีความเห็นว่าใน ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นปีมหามงคลเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา และเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ ๖๐๐ ปี จังหวัดชุมพร ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดียิ่งที่จะได้ร่วมกันสร้างหลักเมืองประจำจังหวัดขึ้นใหม่ โดยการจัดสร้างศาลหลักเมืองชุมพรนั้นได้ใช้แบบตามที่กรมศิลปากร กำหนดตามจารีตประเพณี โดยเป็นเสาไม้แกะสลักลวดลายไทยลงรักปิดทอง สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ได้เสด็จพระราชดำเนินวางศิลาฤกษ์หลักเมืองเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๓๕ ศาลหลักเมืองจังหวัดชุมพรนี้ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองชุมพรหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองชุมพร ตัวศาลเป็นอาคารทรงปราสาทและยอดปราสาททรงปรางค์ ภายในประดิษฐานเสาหลักเมืองซึ่งเป็นเสาไม้ต้นราชพฤกษ์ อายุกว่า ๑๐๐ ปี และแกะสลักลายไทยและลงรักปิดทองไว้อย่างสวยงาม ซึ่งว่ากันว่าเป็นไม้ที่ขึ้นที่ถ้ำรับร่อซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่ตั้งของเมืองอุทุมพรในอดีต รอบ ๆ ศาลหลักเมืองเป็นลานกว้างไว้จัดกิจกรรมต่าง ๆ และยังเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย คนเมืองชุมพรนิยมมาขอพรต่าง ๆ ตลอด
ประวัติศาลหลักเมืองจังหวัดชุมพรนั้น โดยมีความเชื่อว่าการสร้างเมืองจะต้องมีพิธีการที่สำคัญควบคู่กันไปด้วยคือการสร้างศาลหลักเมือง ด้วยมีความเชื่อว่าการเป็นบ้านเมืองนั้นจะต้องมีเทพรักษาเมืองได้แก่พระเสื้อเมือง เทวดา และเทพารักษ์ทั้งหลาย ดูแลรักษาให้บ้านเมืองและไพร่ฟ้าประชาชนปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง และเทพผู้รักษาเมืองจะสิ่งสถิตอยู่ ณ หลักเมืองหลักเมือง จะเป็นที่รวมจิตใจของบรรพชนและประชาชนทั้งในอดีตและปัจจุบัน ให้มีความผูกพันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การสร้างหลักเมืองของจังหวัดชุมพรในอดีตยังไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัดทำให้เมืองชุมพรเป็นเมืองหรือจังหวัดที่ปราศจากหลักเมือง พี่น้องชาวชุมพรมีความเห็นว่าปี พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นปีมหามงคลเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา และเป็นปีฉลอง ๖๐๐ ปี ของจังหวัดชุมพรจึงถือเป็นนิมิตรหมายที่ดียิ่งที่จะได้ร่วมกันสร้างหลักเมืองเพื่อเป็นการแสดงกตัญญูคุณแก่แผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนโดยมีความมุ่งหวังนับตั้งแต่บัดนี้สืบไป จังหวัดชุมพรจะมีความเจริญรุ่งเรืองและประชาชนจะอยู่กันด้วยความร่มเย็นเป็นสุขตามคติความเชื่อที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งบรรพชน จุดเริ่มต้นของการสร้างหลักเมืองนั้นชาวชุมพรได้เสาะหาไม้หลักเมืองจนกระทั่งได้ไม้ที่เหมาะสมคือต้นไม้ราชพฤกษ์ ซึ่งถือว่าเป็นไม้ที่สิริมงคลสูงสุดในหมู่ไม้ทั้งหลายและได้รูปพรรณสัณฐานที่เหมาะสม ถูกต้องตามตำราโหราจารย์ที่ได้กล่าวไว้ อนึ่งต้นไม้ที่ทำหลักเมืองนี้ขึ้นอยู่ ณ บริเวณหน้าถ้ำรับร่อ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่ตั้งของเมืองอุทุมพรหรือเมืองชุมพรดั้งเดิม ต่อมาจังหวัดชุมพรได้ทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญพญาไม้ต้นนี้โดยทำพิธีตัด เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๓๕ หลังจากนั้นได้ส่งให้กรมศิลปากรออกแบบและเรือนจำกลางบางขวางแกะสลักจนเสร็จเรียบร้อย ทุกคนมีความเห็นว่าตำแหน่งที่ตั้งศาลหลักเมืองควรจะอยู่ ณ ใจกลางเมือง จึงได้กำหนดที่ตั้งศาลหลักเมือง บริเวณสนามหน้าเทศบาล เมืองชุมพรซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดมาก่อน ต่อมาจังหวัดชุมพรได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆนายกได้เสด็จพระราชดำเนินวางศิลาฤกษ์หลักเมืองเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๓๕ ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดเข้าเฝ้า เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๓๕๓๕ ณ พระราชวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สรงน้ำ ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม และทรงบรรจุแผ่นยันต์ยอดเสาหลักเมือง เพื่อทำพิธีเปิดศาลและเฉลิมฉลองต่อไป
จากนั้นจังหวัดชุมพรได้กราบบังคมทูลและได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทำพิธีเปิดศาลหลักเมือง เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๓๕ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่จังหวัดชุมพรสืบไป ทรงประทานพระกรุณาแก่ชาวชุมพรและทรงร่วมบำเพ็ญพระราชกรณียกิจในครั้งนี้ซึ่งถือเป็นสิริมงคลแก่ชาวชุมพรเป็นอย่างยิ่ง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชุมพรจึงเป็นจังหวัดที่มีหลักเมืองถูกต้องตามโบราณประเพณี กิจกรรมครั้งนี้อยู่ในความทรงจำของชาวชุมพร และเป็นตำนานประวัติศาสตร์อันดีงามน่าภูมิใจไปตราบนานแสนนาน
ทรัพยากรการท่องเที่ยวไทยชุดภาคใต้ : ชุมพร. (2546). กรุงเทพฯ : ฝ่ายส่งเสริมสินค้าการทอ่งเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย.
ประพนธ์ เรืองณรงค์. (2551). ชื่อบ้านนามเมืองภาคใต้ จังหวัด อำเภอ และสถานที่ บุคคลบางชื่อ. กรุงเทพมหานคร : สถาพรบุ๊คส์.
หลักเมืองจังหวัดชุมพร. (2535). ชุมพร : สำนักงานจังหวัดชุมพร.
10 ที่เที่ยวยอดนิยม จ.ชุมพร
1.จุดชมวิวเขามัทรี 2.หาดทุ่งวัวแล่น 3.สันทรายบางเบิด 4.เขาดินสอ 5.อช.หมู่เกาะทะเลชุมพร 6.เกาะพิทักษ์ 7.หาดทรายรี 8.ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ 9.วัดแก้วประเสริฐ 10.วัดพระธาตุสวี |