เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
 
Back    03/09/2025, 14:27    188  

หมวดหมู่

จังหวัด


ประวัติความเป็นมา

 
ตราประจำเกาะสมุย
ภาพจาก : 
https://link.psu.th/zNnxHz

   คำขวัญประจำเกาะสมุย
ปะการังงาม น้ำทะเลใส หาดทรายขาว มะพร้าวเยอะ

         เกาะสมุยเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสุราษฏร์ธานีตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งจากท่าเรือดอนสักไปประมาณ ๓๕ กิโลเมตร การเดินไปยังเกาะโดยนั่งเรือเฟอร์รี่ เรือเร็วสปีดโบ๊ท และสนามบิน เกาะสมุยขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์กลางอ่าวไทย เพราะมีชื่อเสียงไปทั่วโลกมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีถนนทอดยาวรอบเกาะ ชายหาดเกาะสมุยมีชายหาดที่สวยงามอยู่รอบเกาะที่นักท่องเที่ยวนิยมพักผ่อน เช่น หาดเฉวง หาดละไม หาดตลิ่งงาม และหาดนาเทียน เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติและหลงใหลในสีสันยามค่ำคืน เกาะสมุยตามหลักฐานทางโบราณคดีที่ได้ค้นพบวัตถุต่าง ๆ บริเวณอ่าวบ้านดอนซึ่งได้ค้นพบขวานฟ้าซึ่งเป็นขวานหิน สันนิษฐานว่าบริเวณดังกล่าวเป็นที่อยู่ของมนุษย์มาตั้งแต่เมื่อ ๑,๒๐๐-๒,๐๐๐ ปี มาแล้ว  "ขวานฟ้า" เป็นขวานหินลักษณะรูปขวาน และเชื่อกันว่าคนสมัยนั้นได้ใช้เป็นอาวุธสำหรับล่าสัตว์เป็นอาหาร ค้นพบกลองมโหระทึกเมื่อเดือนกันยายน ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ที่วัดคีรีวงการาม ตำบลตลิ่งงาม จำนวน ๒ ใบ สำหรับกลองมโหระทึกที่ค้นพบ นักวิชาการทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ยืนยันว่ากลองมโหระทึก ๒ ใบ ซึ่งทำด้วยโลหะสัมฤทธิ์ มีแหล่งผลิตอยู่ในเวียดนามตอนเหนือ ดังนั้นเจ้าของกลองมโหระทึกบนเกาะสมุย อาจจะเป็นนักเดินทางมาจากที่อื่น ที่ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ (ชั่วคราว) บนเกาะ กลองมโหระทึกอีกใบหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษคือด้านข้างกระพุ้งกลองมีรูปเรือ ที่มักเรียกว่า "เรือส่งวิญญาณ" เป็นเรือยาว ๆ มีหัวและท้ายโค้งขึ้นเล็กน้อย ในเรือมีนกและคนครึ่งนกที่หัวประดับขนนกอยู่หลายคน ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อว่าผู้คนกลุ่มหนึ่ง ที่เดินทางขึ้นไปอาศัยบนเกาะสมุยไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ ปี มาแล้ว จะต้องมีความชำนาญในการเดินเรือเป็นอย่างดี เพราะการสลักลวดลายเป็นรูปเรือเพื่อส่งวิญญาณคนตายเช่นนี้ ย่อมเกิดขึ้นจากประสบการณ์ในการเดินทะเลอย่างเชี่ยวชาญมาแล้ว และเชื่อกันว่าคนที่มาตั้งรกรากสร้างบ้านเรือนบนเกาะสมุยในยุคแรก อาจจะมาในลักษณะของการแสวงหาโชคหรือหาแหล่งทำกินใหม่ หรือด้วยเหตุบังเอิญ เช่น หลบลมมรสุม มาแวะจอดเรือเป็นครั้งคราวหรือการขึ้นมาหาน้ำจืด ส่วนผู้คนถิ่นเดิมหรือคนอพยพเข้ามาสู่เกาะสมุยนั้น ตามสันนิษฐานของพระครูอินทปัญญาจารย์ (ท่านพุทธทาสภิกขุ) ได้พบร่องรอยและหลักฐานมากมายพอที่จะเชื่อถือได้ว่าชนชาวอินเดีย ได้เข้ามาเกี่ยวข้องในดินแดนแถบอ่าวบ้านดอนไม่น้อย กว่า ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว ส่วนคนไทยเข้ามาในภายหลังชาวอินเดียเล็กน้อย สำหรับคนพื้นเมืองเดิมซึ่งอยู่ก่อนชาวอินเดียและคนไทยนั้นเชื่อกันว่าเป็นพวกมาลายู ซึ่งกลุ่มคนประเภทนี้มีรูปร่างลักษณะเช่นเดียวกันคนไทยปักษ์ใต้ในปัจจุบัน ต่อมาได้แต่งงานกันจึงทำให้คนไทยส่วนใหญ่ในแถบนี้มีเลือดผสมถึงสามสายด้วยกันประกอบด้วยมาลายู อินเดีย และไทย ต่อมาภายหลังมีเชื้อสายจีนอีกเชื้อสายหนึ่ง
       เกาะสมุยในต้นสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) เป็นเมืองส่งส่วยอากรให้กับเมืองนครศรีธรรมราช โดยมีที่ว่าการเมืองอยู่ที่บ้านดอนแตงใกล้วัดประเดิม หมู่ที่ ๑ ตำบลหน้าเมือง อยู่ทางทิศใต้ของเกาะสมุย ซึ่งมีข้อความที่ปรากฏในหนังสือ "ชีวิวัฒน์" พระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงนิพนธ์ไว้เป็นการรายงานการเสด็จตรวจราชการหัวเมืองปักษ์ใต้ ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปีวอกปี พ.ศ. ๒๔๒๗ ได้กล่าวถึงเกาะสมุยในขณะนั้นไว้ใจความตอนหนึ่งว่า... ในหมู่บ้านเกาะสมุยนี้ถ้าจะประมาณโรงเรือนราษฎรที่ตั้งอยู่จะเป็นไทยประมาณ ๔๐๐ หลังเศษ จีน ๑๐๐ หลังเศษเป็นจำนวนคนซึ่งประจำอยู่ ณ เกาะนั้น ไทยประมาณ ๑,๐๐๐ คนเศษ จีนสัก ๖๐๐ คนเศษ คิดทั้งคนจรไปมาตั้งบ้างไปบ้างจะเป็นคนรวมประมาณถึง ๒,๐๐๐ คน แต่คนในเกาะสมุยนั้นมาก ๆ น้อย ๆ เป็นคราว ๆ เป็นต้นว่าถึงฤดูสักเลก (ฤดูสักเลกหมายถึงช่วงเวลาที่ผู้ชายต้องเข้ารับการสักเลกซึ่งเป็นประเพณีการลงทะเบียนและทำเครื่องหมายตามกฎหมายเพื่อเกณฑ์แรงงานและทหารในอดีตโดยการสักเลก มักจะทำเมื่อถึงวัยที่กำหนดคือประมาณ ๑๖ ปี และจะสิ้นสุดเมื่ออายุ ๗๐ ปี) คนหลบหนีมาอยู่เกาะสมุยเป็นอันมาก ถ้าจะคิดในเวลาอย่างมากจะเป็นคนประมาณถึง ๕,๐๐๐-๖,๐๐๐ คน คนไทยนั้นเป็นคนชาวนอก กริยาน้ำใจและเสียสละเป็นชาวนอก กริยาน้ำใจเสียสละเป็นชาวนอกทั้งสิ้น มักจะบิดเบือนพูดจาไล่ไม่จนและเป็นคนเกรงกลัวอาญานายกดขี่เป็นต้น ถ้าจะถามสิ่งใดก็พูดจาอ้อมค้อมวนเวียน ปิดบัง เป็นธรรมดา หาจริงยาก.....พวกนั้นมักจะเป็นชาติไหหลำทั้งสิ้น.....เมื่อเกาะสมุยเป็นเมืองส่งส่วยแก่เมืองนครศรีธรรมราช เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ก็ส่งคนมาปกครองเกาะสมุยความอีกตอนหนึ่งในหนังสือชีวิวัฒน์กล่าวว่า... เกาะสมุยนี้มีตำแหน่งผู้ว่าราชการเป็นพระคนหนึ่งคือนายฉิม ญาติพระยานครที่ตายเสียแล้ว ในเวลาบัดนี้ไม่มีตัวพระสมุยผู้ว่าราชการ มีแต่ปลัดอยู่คนหนึ่งเรียกว่าหลวงสมุยเป็นคนแก่อายุมาก... ชาวเกาะสมุยในสมัยนั้นมักจะเรียกเจ้าเมืองเกาะสมุยว่า "ตาหลวงหมุย" และการปกครองสมัยเดิม เจ้าเมืองแต่ละคนจะอยู่จนแก่เฒ่า และเมื่อตายไปแล้วจะแต่งตั้งบุตรชายเป็นเจ้าเมืองแทนต่อไป
         
ในปี พ.ศ. ๒๔๒๗ ครั้งเมื่อสมเด็จฯ กรมพระยาภานุพันธุ์วงศ์วรเดช ได้มาตรวจราชการหัวเมืองปักษ์ใต้ ทำให้ทราบว่าชาวเกาะสมุยไม่อยากอยู่ภายใต้การปกครองของเมืองนครศรีธรรมราช เพราะถูกกดขี่ข่มเหงทำให้ชาวเกาะสมุยเกรงอาญาเจ้าพระยานคร ดังนั้นชาวเกาะสมุยจึงได้ร้องทุกข์กับสมเด็จฯ กรมพระยาภานุพันธุ์วงศ์วรเดช ต่อมาในคราวเดียวกันพระองค์ทรงแวะเยี่ยมเยียนที่เมืองไชยา อันเป็นเมืองสำคัญแห่งหนึ่งในสมัยนั้นได้ทรงพบปะกับพระยาไชยา (ขำ ศรียาภัย) เจ้าเมือง (ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาวจีสัตยารักษ์ ) ก็ทรงชอบพอัธยาศัยของพระยาไชยามาก ด้วยเหตุนี้เองจึงได้กราบทูลให้ พระบาทสมเด็จฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทราบถึงความต้องการของชาวเกาะสมุย จึงทำให้เกาะสมุยมาขึ้นกับเมืองไชยาตั้งแต่นั้นมา ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๔๐ (ร.ศ. ๑๑๖) ได้มีการจัดระบบการปกครองท้องถิ่นขึ้นใหม่ โดยยุบรวมหัวเมืองต่าง ๆ ตั้งเป็นมณฑล จังหวัด และอำเภอ เมืองเกาะสมุยกับเกาะพะงันถูกยุบรวมเป็นอำเภอเดียวกัน และได้ส่งหลวงพิพิธอักษร (สิงห์ สุวรรณรักษ์) ไปเป็นนายอำเภอคนแรกของเกาะสมุย หลวงพิพิธอักษร เป็นทั้งนักบริหารและนักปกครอง และนักพัฒนาที่ดี จึงเป็นที่ชื่นชอบของชาวเกาะสมุยมาก และได้นานนาม ท่านว่า "พ่อนาย" ท่านได้ย้ายที่ว่าการจากบ้านดอนแตง มาตั้งที่บ้านหน้าทอน หมู่ที่ ๓ ตำบลอ่างทอง (อันเป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอปัจจุบันนี้) ด้วยเห็นว่าที่บ้านหน้าทอน อยู่ใกล้กับที่ทำการของเมืองไชยา มีอ่าวจอดเรือที่ดีและท่านได้สละที่ดินส่วนตัวจำนวน ๖ ไร่ ให้เป็นที่ตั้งที่ว่าการอำเภอ ต่อมาใน ปี พ.ศ. ๒๔๖๘ หลวงพิพิธอักษรได้รับพระราชทานยศเป็นพระยาเจริญราชภักดี ท่านได้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอเกาะสมุย ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๔๐-๒๔๗๑ รวมเวลานานถึง ๓๑ ปี จึงได้ลาออกรับบำนาญ และถึงแก่กรรมในวันที่  ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๒ สิริอายุได้ ๘๔  ปี
         เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๕ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้เสด็จประพาสเกาะสมุยและได้ทรงปรารภถึงความเก่าแก่ของอาคารที่ว่าการอำเภอ และทรงดำรินว่าสมควรจะสร้างใหม่ได้แล้ว ดังนั้นทางอำเภอจึงได้ของบประมาณไปยังส่วนกลาง จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ได้รับงบประมาณเป็นเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท (สามแสนบาทถ้วน) โดยให้สร้างแบบอาคารไม้สองชั้น แตาทางอำเภอพิจารณาเห็นว่าเกาะสมุยเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศไปเที่ยวปีละมาก ๆ จึงได้ขอทบทวนการสร้างอาคารแบบใหม่ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ก็เริ่มสร้างอาคาร จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นลักษณะของอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กตัวตึก ๒ ชั้น ในอดีดการคมนาคมบนเกาะสมุยนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก ท่านนายอำเภอดิลก สุทธิกลม จึงดำริที่จะปรับปรุงถนนบนเกาะสมุยให้ดีขึ้น และได้ตัดถนนให้รอบเกาะซึ่งแต่เดิมยังไม่รอบ ตรงจุดบริเวณอ่าวละไมไปสู่ตำบลบ่อผุดโดยจะต้องข้ามภูเขาลูกหนึ่ง คือเขาหมาแหงน ภูเขาลูกนี้เคยเปรียบเสมือนหนึ่งปราการยักษ ์ที่แยกชาวตำบลมะเร็ต กับตำบลบ่อผุดให้อยู่ห่างไกลกัน เพราะว่าถนนรอบเกาะที่สร้างกันมาเรื่อย ๆ นั้น เมื่อมาถึงเขาหมาแหงนก็ไม่สามารถจะสร้างถนนผ่านไปได้ เพราะไม่สามารถพิชิตภูเขานี้ได้ ดังนั้นเมื่อก่อนถนนรอบเกาะสมุยจึงไม่รอบเกาะ ทางด้านเหนือก็ผ่านมาทางตำบลแม่น้ำ เรื่อยมาจนถึงตำบลบ่อผุดก็สุดทาง ส่วนทางด้านใต้มาจนถึงตำบลมะเร็ตจดเชิงหมาแหงน ก็หมดทางเช่นกันชาวมะเร็ตและชาวบ่อผุดจึงดูห่างไกลกันเหลือเกินทั้ง ๆ ที่อยู่ติดกันแท้ ๆ มีผู้ที่พยายามตัดถนนข้ามเขาหมาแหงนนี้หลายครั้ง ทั้งนายอำเภอคนก่อน ๆ และทั้งพระภิกษุรูปหนึ่งซึ่งมีนามว่าพระครูสมุห์เลียบ ซึ่งชาวเกาะสมุยเรียกติดปากว่า "พระนักทำ" ซึ่งท่านพระครูองค์นี้ได้ช่วยสร้างถนนทำประโยชน์ให้แก่ชาวเกาะสมุยมาก เมื่อท่านลงมือทำอะไรก็มีชาวบ้านมาช่วยกันมากมาย เมื่อมีใครต่อใครพยามสร้างทางข้ามเขาหมาแหงนหลายครั้งไม่สำเร็จ ท่านก็ลงมือทำบ้างมีชาวบ้านทั้งจากตำบลมะเร็ต และตำบลบ่อผุดมาช่วยกันมากมาย พยายามตัดทางข้ามเขาหมาแหงน อยู่นานถึง ๔ เดือนก็ไม่สำเร็จต้องเลิกไป ปล่อยให้เขาหมาแหงนเป็นอุปสรรคขวางกั้นการไปมาต่อไป ต่อมาเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๐0 อำเภอเกาะสมุยได้รับความช่วยเหลือจากคณะกรรมการพัฒนาภาคใต้ ซึงมี ฯพณฯ พันเอกถนัด คอร์มัน เป็นประธานคณะกรรมการ ได้มอบรถแทรกเตอร์ ที.ดี. ๔ ให้เกาะสมุยหนึ่งคัน พอถึงเกาะสมุย นายอำเภอดิลก สุทธิกลม (สมัยนั้น) ได้นำรถแทรกเตอร์คันนั้นไปปรับถนนบริเวณเขาหมาแหงนทันที ทั้งนี้โดยได้นิมนต์พระมหาพิมล ฐานสุนทโร เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ตำบลตลิ่งงาม ไปร่วมงานสร้างถนนนี้ด้วยเพราะพระมหาพิมลเป็นที่เคารพขอชาวเกาะสมุยมาก เมื่อท่านร่วมมือด้วยชาวบ้านก็มาช่วยกันเป็นจำนวนมาก จากนั้นการตัดทางเชื่อมตำบลมะเร็ตกับตำบลบ่อผุด โดยผ่านเขาหมาแหงนก็เริ่มขึ้น ตั้งแต่วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ เป็นต้นมา งานตัดถนนผ่านเขาหมาแหงนนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องระเบิดภูเขาจำนวนมาก ต่อมาในปี พ.ศ ๒๕๑๒ เมื่อ กรป. กลาง จัดส่งหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ออกปฎิบัติการที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้รับการขอร้องจากนายอำเภอให้สนับสนุนเครื่องมือในการทำทางก่อสร้างถนนรอบเกาะสมุย เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนถ่ายสินค้าไปยังท่าเรือ ซึ่ง กรป. กลาง ได้จัดส่งชุดเครื่องมือหนักประกอบด้วยรถเครื่องจักรทุ่นแรง จำนวน ๕ คัน ไปดำเนินการปรับปรุงขยายผิวจราจร ให้แต่การปรับปรุงและขยายผิวจราจรก็ดำเนนไปได้ไม่เร็วเท่าที่ควรเพราะเครื่องมือไม่เพียงพอ ในวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๑๕ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จประพาสเกาะสมุยเป็นการส่วนพระองค์อีกครั้งหนึ่ง ณ บริเวณศาลาคอย อ่าวเฉวง ต่อมาในปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้เกิดอุทกภัยกระหน่ำภาคใต้อย่างรุนแรง ในหลายจังหวั ดโดยเฉพาะเกาะสมุยได้รับความเสียหายอย่างหนัก มีเรือล่มถึง ๒๓ ลำ บ้านเรือนราษฎรพังเสียหาย ๕๘๑ หลัง ต้นมะพร้าวโค่นล้มไปประมาณ ๕๗,๐๐๐ ต้น ต้นทุเรียนกว่า ๘,๐๐๐ ต้น คิดค่าเสียหายทั้งสิ้นประมาณ ๓๑ ล้านบาท เป็นเหตุให้ภาวะทางเศรษฐกิจของเกาะสมุยทรุดตัวลงเป็นอย่างมาก กรป. กลาง จึงได้จัดส่งชุดทหารช่างก่อสร้างออกเดินทางมายังเกาะสมุยในต้นปี พ.ศ. ๒๕๑๖ เพื่อปฎิบัติการฟื้นฟูและก่อสร้างเส้นทางรอบเกาะสมุย โดยเริ่มปฎิบัติการฟื้นฟูเกาะสมุยและก่อสร้างเส้นทางโดยทันที ซึ่งปรากฎว่าการปฎิบัติงานในระยะเริ่มต้นเป็นไปได้ไม่รวดเร็วเท่าที่ควร เนื่องจากสภาพภูมิอากาศคือมีฤดูฝนถึง ๖ เดือน และเป็นฝนชนิดที่ตกอย่างไม่มีเค้า บางวันไม่สามารถจะปฎิบัติงานได้ ยิ่งกว่านั้นการตัดถนนผ่านภูมิประเทศที่เป็นภูเขาและโขดหิน จำเป็นต้องอาศัยการระเบิดหินเป็นส่วนใหญ่ แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนก็มิได้ท้อถอย คงพยายามปฎิบัติงานไปโดยเต็มความสามารถอย่างไม่หยุดยั้ง ในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ พลอากาศเอกทวี จุลทรัพย์ ได้สั่งให้หน่วยทหารช่างก่อสร้างที่ ๔ ซึ่งมีเครื่องมือที่สมบูรณ์กว่าดำเนินการทดแทนชุดทหารช่างก่อสร้างเกาะสมุยชุดเดิม หน่วยทหารช่างก่อสร้างที่ ๔ ได้เคลื่อนย้ายเครื่องมือหนักเข้าที่ตั้งบนเกาะสมุยโดยทันที และเริ่มการก่อสร้างถนนตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๑๖ เป็นต้นมา ถนนรอบเกาะสมุยที่หน่วยทหารช่างก่อสร้างที่ ๔ ดำเนินการสร้างนี้ มีระยะทางยาวทั้งสิ้น ๕๐.๒๒๘ กิโลเมตร เป็นถนนมาตรฐานอัดดินแน่นเขตทางกว้าง ๑๒ เมตร ซึ่งมีผิวจราจรกว้าง ๖ เมตร กับไหล่ทางกว้างอีกข้างละ ๑ เมตร ได้เริ่มตั้งต้นก่อสร้างจากหน้าที่ว่าการอำเภอเกาะสมุย ลงไปทางใต้ผ่านพื้นที่ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย ตำบลตลิ่งงาม ตำบลหน้าเมืองจนถึงบ้านหัวถนน แล้ววกไปทางทิศตะวันออก ผ่านตำบลมะเร็ต ไปช่องเขาหมาแหงนทางทิศตะวันออก ต่อไปยังอ่าวท้องตะเคียน ช่องบุญตา พุ่งขึ้นไปทางทิศเหนือถึงตำบลบ่อผุด แล้วเลยไปทางทิศเหนือของเกาะสมุย ผ่านตำบลแม่น้ำ ไปเขาแหลมใหญ่ แล้วจึงวกกลับมาบรรจบกันกับจุดเริ่มต้น ณ ที่ว่าการอำเภอเกาะสมุยซึ่งอยู่ที่ตำบลอ่างทอง นับว่าถนนสายนี้ตัดผ่านทุกตำบล โดยเฉพาะทางด้านทิศใต้กับทิศเหนือตัดผ่านหมู่บ้านริมทะเล ที่มีทิวทัศน์อันสวยสดงดงาม โดยตั้งชื่อถนนรอบเกาะสมุยว่า "ถนนทวีราษฎร์ภักดี" ตามโครงการและแผนที่ได้สำรวจและประมาณการไว้นั้น ถนนสายนี้จะต้องสร้างสะพาน ๑๕ แห่ง เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ๓ สะพาน สะพานไม้ ๑๒ สะพาน รวมความยาวของสะพานทั้งสิ้น ๑๙๐ เมตร งานวางท่อระบายน้ำ ๑๖๐ แห่ง และมีงานระเบิดหินบริเวณช่องเขาหมาแหงน ระหว่างท้องตะเคียนถึงบ้านเฉวงน้อยอีกระยะทางประมาณ ๓ กิโลเมตร ในการสร้างทางรอบเกาะสมุยนี้มีอุปสรรคอยู่หลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับสภาพดินฟ้าอากาศในภาคใต้ ซึ่งมีฝนตกอยู่เสมอเกือบตลอดปี นอกจากนั้นเส้นทางนี้ยังมีแหล่งลูกรังจำกัดต้องขนลูกรังในระยะทางไกล ประกอบกับเส้นทางที่ตัดผ่านเขาหมาแหงนเลียบชายฝั่งทะเล เป็นบริเวณที่ยากแก่การทำถนนเพราะต้องใช้ดินระเบิดทำการระเบิดหินก้อนใหญ่ ๆ หลายลูกติดกันในระยะทางยาวเกือบ ๓ กิโลเมตร ในการก่อสร้างถนนรอบเกาะสมุยของหน่วยทหารช่างก่อสร้างที่ ๔ แม้จะประสบกับอุปสรรคหลายประการ แต่ก็ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น และประชาชนชาวเกาะสมุยเป็นอย่างดีในทุก ๆ ด้านตลอดมาทำให้การปฏิบัติงานสามารถฟันฝ่าปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ได้

           ที่มาของคว่า "สมุย"
             คำว่า "สมุย" หรือชื่อเกาะบริวารอื่น ๆ จะเป็นภาษาษาใด มีความหมายอย่างไร หรือแปลว่าอย่างไรนั้น ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดลงไป แต่มีผู้รู้หลายท่านได้ให้ข้อสังเกตไว้ว่า คนโบราณนั้นชอบเรียกชื่อสถานที่ต่าง ๆ โดยอาศัยเหตุผลอยู่สองสามประการ คือมักจะเอาชื่อบุคคล ชื่อตันไม้ หรือชื่อสภาพทางภูมิศาสตร์ มาตั้งเป็นชื่อท้องถิ่นนั้น ๆ ดังนั้นหากดูตามข้อสังเกตข้างต้นแล้ว คำว่า "สมุย" ย่อมจะมีที่มาและความหมายต่าง ๆ กันไป ตามข้อสันนิษฐานของอาจิณ จันทรัมพร (นักเขียน นักหนังสือพิมพ์และนักสะสมหนังสือเก่า)  ดังนี้ 

๑. สมุย น่าจะเป็นคำในภาษามาลายู เพราะเมื่อได้ตรวจสอบรายชื่อต่าง ๆ ในทะเลรอบอ่าวบ้านดอน ตลอดจนชื่อตำบลหรือสถานที่บางแห่งของดินแดนส่วนนี้มีชื่อชื่อซึ่งไม่ใช่ภาษาไทยอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ชื่อเกาะสมุย พะงัน วัวดาหลับ พะลวย เป็นต้น ชื่อตำบลเฉงอะ กระแดะ ฉะโหละ ละแม โมถ่าย เป็นต้น และที่เกาะสมุยมีชื่อ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่เชื่อกันว่าเป็นภาษามาลายูคือ บ้านลิปะน้อยและลิปะใหญ่ ซึ่งภาษามาลายูแปลว่า "คลอง น้ำ" ซึ่งมีความหมายตรงกับสภาพภูมิประเทศ ที่มีลำคลองไหลผ่าน นอกจากนี้ที่ชวนให้เข้าใจว่าเป็นภาษามาลายูเพราะที่เกาะพะงันก็มีชื่อทำนองนี้อยู่มาก เช่น ฉะโหละ นั้นคำมาลายูว่าดาโละ แปลว่าอ่าว ส่วนหลำนันคำมาลายูว่า ดาลำหรือตาลำ แปลว่าลึกเมื่อรวมกันเป็น ดาโละตาลำ แปลว่าอ่าวลึก ซึ่งเมื่อพิจารณาตามสภาพภูมิศาสตร์แล้วที่นั่นมีสภาพ เป็นอ่าวลีกจริง ๆ
๒. สมุย เป็นคำมาจากภาษาทมิฬอินเดียใต้ คือมาจากคำว่า "สมอย"  ที่แปลว่า คลื่นลนลม ต่อมาคำว่าสมอยได้เปลี่ยนเป็นคำว่า "สมุย" 
๓. สมุย มาจากชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่งที่ขึ้นอยู่ทั่วไปในภาคใต้ เป็นไม้เนื้ออ่อน ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า ต้นหมุย ซึ่งขึ้นอยู่ทั่วไปในพื้นที่เกาะสมุย และสันนิฐานว่าต้นหมุยนี้มาจากคำเต็มว่าตันสมุย ทั้งนี้เนื่องจากภาษาปักษ์ใต้มักจะตัดตัวหน้าออกเพื่อให้พูดสั้น เช่น มะพร้าว เรียกว่าพร้าว มะม่วง เรียกว่าม่วง เกาะสมุย เรียกว่าเกาะหมุย
เป็นต้น
๔. สมุย เป็นภาษาจีนไหหลำมาจากคำว่า "เช่าบ่วย" ซึ่งคนจีนไหหลำเรียกเกาะสมุยว่า เซ่าบ่วย แปลว่าเกาะแรกหรือด่านแรก ประตูแรก ซึ่งเมื่อประมาณ ๑๐๐ ถึง ๓๕๐ ปี มาแล้ว คนจีนที่เกาะไหหลำได้นำสินค้ามาขายยังประเทศไทย ก่อนที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ การเดินทางจะไป-กลับ จึงได้มาจอดแวะที่เกาะสมุย เพื่อจอดรับเอาสินค้าที่เกาะสมุยก่อน จำพวกกะปิ มะพร้าว เป็นต้น ดังนั้นคำว่าเช่าบ่วย เมื่อเรียกนาน ๆ จึงเพี้ยนไปกลายเป็น "สมุย"
๕. สมุย มาจากคำของพวกโจฬะแปลว่า คลื่นลม คือเมื่อประมาณปี  พ.ศ. ๑๓๐๐ สมัยอาณาจักรศรีวิชัยเจริญรุ่งเรือง ทางภาคใต้พวกโจหะเป็นพวกชาวเรือได้ตั้งชื่อเกาะสมุยว่าเป็นเกาะแห่งคลื่นลม

              ด้วยเนื้อที่ของตัวเกาะสมุยซึ่งมีประมาณ ๒๔๗ ตารางกิโลเมตร เกาะสมุยเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันอันดับสามของประเทศไทย และเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะกว่า ๘๐ เกาะ (ร้างส่วนใหญ่) ในหมู่เกาะบริวารของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเกาะสวรค์ของการดำน้ำดูปะการัง และเหมาะแก่การพายเรือคายัค เกาะสมุยมีความยาวที่ ๒๕ กิโลเมตร และกว้าง ๒๑ กิโลเมตร มีขนาดที่พอเหมาะในการที่จะให้คุณได้สนุกสนานไปกับการผจญภัย โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงโดยรถมอเตอร์ไซด์หรือรถยนต์ บริเวณเกาะสมุยเคยมีการตั้งถิ่นฐานเป็นที่อยู่อาศัยครั้งแรกประมาณ ๓๕ ศตวรรษมาแล้ว ซึ่งเป็นการตั้งรกรากของชาวประมงจากคาบสมุทรมลายูและภาคใต้ของจีน โดยปรากฎหลักฐานที่มีการจารึกโดยชาวจีนเมื่อ ๕๐๐ ปีก่อน ภายใต้ชื่อ Pulo Comarn สมุยเป็นชื่อที่ลึกลับในตัวของมันเอง บ้างก็ว่าชื่อของเกาะสมุยที่เพี้ยนมาจากชื่อของตันไม้พื้นเมืองที่ชื่อต้นหมุย หรือเพี้ยนมาจากภาษาจีนที่ว่าสโบย ซึ่งมีความหมายว่า "หลบภัย" จนกระทั่งปลายศตวรรษที่ ๒๐๐ จากเกาะสมุยที่เคยเป็นชุมชนพอเพียงโดดเดี่ยว ได้เริ่มมีการเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ของประเทศไทย การเดินทางบนเกาะสมุยยังต้องลัดเลาะผ่านป่าเขา เพื่อไปยังหาดอื่น เพราะยังไม่มีถนน จนกระทั่งต้นปี พ.ศ. ๑๙๗๐ ในช่วงปี ค. ศ. ๑๙๗๐ นักท่องเที่ยวที่นิยมเที่ยวแบบประหยัดหรือที่เรียกว่าแบ็คแพ็คเกอร์รุ่นแรก ได้เดินทางมากับเรือขนส่งมะพร้าว โดยมีบังกะโลไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวเพียงไม่กี่หลัง ต่อมาในปี ค.ศ. ๑๙๙๐ เกาะสมุยเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงนักท่องเที่ยวรู้จักชื่อเสียงของเกาะสมุยมากขึ้น ด้วยความงดงามของธรรมชาติบนเกาะที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวเกาะสมุยมากขึ้น จากบังกะโลเพียงไม่กี่หลังกลับกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ติดอันดับของโลก และเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันอันต้น ๆ รองจากภูเก็ต เกาะสมุยอาจจะไม่ใช่เกาะที่สวยงามที่สุดของประเทศแต่ความงดงามของชายหาดสีขาว ความอุดมสมบูรณ์ของปะการัง ความสวยงามของน้ำตก ทิวมะพร้าว ที่ลู่ตามสายลม น้ำทะเลสดใส ก็ยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยือนเกาะสมุยได้อย่างดี
              ที่ตั้งและภูมิศาสตร์
         เกาะสมุยเป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่บนไหล่ทวีป อยู่ตอนกลางของอ่าวไทย นอกชายฝั่งทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไประมาณ ๘๔ กิโลเมตร ระหว่างเส้นรั้งที่ ๙ องศา ๓๐ ลิปตาเหนือ และเส้นแวงที่ ๑๐๐ องศาตะวันออก ห่างจากแผ่นดินใหญ่ประมาณ ๒๐ กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพมหานคร ๗๕๐ กิโลเมตร ด้วยพื้นที่เฉพาะเกาะสมุยราว ๒๒๗ ตารางกิโลเมตร กว้าง ๒๑ กิโลเมตร ยาว ๒๕ กิโลเมตร เกาะสมุยจึงมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ รองจากเกาะภูเก็ตและเกาะช้าง มีการเปลี่ยนแปลงฐานะจากเทศบาลดำบลเกาะสมุย เป็นเทศบาลเมืองเกาะสมุยเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๕๑ และได้เปลี่ยนฐานะจากเทศบาลเมืองเกาะสมุยเป็น
เทศบาลนครเกาะสมุย ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ โดยกระทรวงมหาดได้กำหนดเขตเทศบาลนครเกาะสมุย ไว้ปรกอบด้วยด้านเหนือ จากหลักเขตที่ ๑ เป็นเส้นเลียบริมฝั่งทะเลไปทางทิศตะวันออก ผ่านอ่าวกากี อ่าวท้องพลูอ่าวบางปอ อ่าวแม่น้ำ อ่าวบ่อผุด อ่าวบางรัก และอ่าวปลายแหลม ถึงหลักเขตที่ ๒ ซึ่งตั้งอยู่ตรงบริเวณแหลมสำโรงบริเวณพิกัด PL๑๗๐๐๐) รวมระยะประมาณ ๒๓,๙๐๐ เมตร  ด้านตะวันออก จากหลักเขตที่ ๒ เป็นเส้นเลียบริมฝั่งทะเลไปทางทิศใต้ ผ่านอ่าวท้องสน อ่าวเชิงมนต์อ่าวยายน้อย อ่าวเฉวงใหญ่ อ่าวเฉวงน้อย อ่าวเฉวง อ่าวท้องยาง อ่าวท้องตะเคียน ถึงหลักเขตที่ ๓ ซึ่งตั้งอยู่ตรงบริเวณอ่าวท้องตะเคียน บริเวณพิกัด PL ๑๘๓๔๖๘ (N ๑๐๕๖๘๐๐ E ๖๑๘๓๐๐)รวมระยะประมาณ ๑๙,๑๐๐ เมตร ด้านใต้ จากหลักเขตที่ ๓ เป็นเส้นเลียบริมฝั่งทะเลไปทางทิศตะวันตก ผ่านอ่าวท้องหนัน อ่าวละไม อ่าวบางน้ำจืด อ่าวบางเก่า ถึงหลักเขตที่ ๔ ซึ่งตั้งอยู่ตรงบริเวณแหลมสอ บริเวณพิกัด FLo๖๓๓๙๙๙ (N ๑๐๙๙๙๙๐๐ E ๖๐๖๓๐๐) รวมระยะประมาณ ๑๖,๕๐๐ เมตรด้านตะวันตก จากหลักเขตที่ ๔ เป็นเส้นเลียบริมฝั่งทะเลไปทางทิศเหนือ ผ่านอ่าวท้องกรูด อ่าวพังกา อ่าวตลิ่งงาม อ่าวโจรคร่ำ อ่าวแหลมดิน อ่าวบางมะขาม จนประจบกับหลักเขตที่ ๑ รวมระยะประมาณ ๒๖,๘๐๐ เมตร ทั้งนี้ ให้รวมพื้นที่เกาะพลวย เกาะแตน เกาะมัดสุม เกาะเตาปูน เกาะมัดหลัง เกาะส้ม เกาะกล้วย เกาะมดแดง เกาะฟานใหญ่ เกาะฟานน้อย เกาะลุ่มหมูน้อย เกาะฟาน เกาะตู เกาะแมลงป้อง เกาะแม่ทับ เกาะดิน เกาะทะลุ เกาะเจตมูล ดังปรากฏตามแผนที่ท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง เปลี่ยนแปลงฐานะเทศบาลเมืองเกาะสมุยอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นเทศบาลนคร
               
เกาะสมุย เนื่องจากเกาะสมุยมีสภาพเป็นเกาะ ล้อมรอบด้วยผืนน้ำของอ่าวไทย จึงมีอาณาเขตติดต่อกับทะเลในเขตอำเภอใกล้เคียง ดังนี้

ทิศเหนือ ติดทะเลเขต อ.เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี อ.เกาะพงัน เป็นผืนดินที่อยู่ใกล้เกาะสมุยมากที่สุดราว ๑๕ กม.
ทิศใต้ ติดทะเลเขต อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช
ทิศตะวันออก ติดทะเลอ่าวไทย
ทิศตะวันตก ติดทะเลเขต อ.ดอนสัก อ.กาญจนดิษฐ์ อ.เมือง อ.ท่าฉางและอ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี   

             ภูมิประเทศ
           พื้นที่ของเกาะสมุยเป็นภูเขาและที่ราบสูง และเป็นภูเขาหินแกรนิตและภูเขาหินทราย ทอดตัวในแนวขวาง จากด้านตะวันตกเฉียงเหนือผ่านกลางตัวเกาะ และพื้นที่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ ภูเขาตอนกลางเรียกว่า "เขาใหญ่" ส่วนภูเขาลูกอื่น ๆ มีขนาดย่อมลงมา บางลูกมีแนวติดต่อกับเขาใหญ่ เช่น เขาขวาง เขาเล่ เขาไม้งาม เขาตอ เขาแหลมหอย เขาไม้แก่น เขาน้อย เขาหินเหล็ก เขาป้อม เขาท้ายควาย เขาไม้แดง เป็นต้น ยอดสูงสุดอยู่ที่เขาท้ายควายสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๖๓๕ เมตร พื้นที่ราบมีเนื้อที่จำกัดเพียงหนึ่งในสามของพื้นที่ทั้งหมดหรือประมาณ ๙๓ ตร.กม. อยู่รอบภูเขาและชายฝั่งประกอบด้วยที่ลุ่มหาดทราย สันทราย ชายฝั่งทะเลเป็นแหลมและอ่าว แต่เดิมภูเขาส่วนใหญ่ไปกคลุมด้วยบำเบญจพรรณ แต่ปัจจุบันคงเหลือสภาพบำตั้งเดิมอยู่น้อยมาก เนื่องจากกลายเป็นพื้นที่จับจองทำสวนมะพร้าว สวนผลไม้อื่น ๆ และการครอบครองของนายทุนเพื่อทำธุรกิจการท่องเที่ยว

            การปกครอง
               เมื่อก่อนนั้นเกาะสมุยปกครองโดยขึ้นกับเมืองนครศรีธรรมราช และมีศาลาว่าการเมืองอยู่ทางทิศใต้ของเกาะ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๔๑ ศาลาว่าการเมืองถูกยุบ และได้ตั้งเป็นอำเภอขึ้นตรงต่อเมืองไชยา โดยมีพระยาเจริญราชภักดีดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอคนแรก 
มีการพิจารณาที่ตั้งของเมืองเดิมว่าไม่ค่อยมีความเหมาะสม เพราะเป็นที่ยากต่อการจอดเรือและหลบคลื่นลม ทำให้ในปี พ.ศ. ๒๔๔๙ ได้มีการย้ายเมืองมาตั้งที่บ้านหน้าทอน ตำบลอ่างทอง ซึ่งบริเวณนี้มีชาวบ้านอาศัยกันอยู่อย่างหนาแน่น มีอ่าวจอดเรือกว้างขวาง และเหมาะสำหรับแก่การหลบคลื่นลม ทำให้กลายมาเป็นที่ตั้งเมือง ณ ปัจจุบัน
       
          
ทรัพยากรธรรมชาติ
                ทรัพยากรดิน 
           
     จากการสำรวจทรัพยากรดินในบริเวณเกาะสมุย โดยกรมพัฒนาที่ดินสามารถจำแนกได้เป็น ๘ ประเภท ได้แก่ ดินชุดทุ่งหว้า ดินตะกอนลำน้ำที่มีการระบายน้ำเลว ดินชุดหัวหิน ดินชุดบาเจาะ ดินชุดระยอง ดินชุดโคกตะเกียน ดินชุดไม้ยาว และดินชุดท่าจีน ซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วไปตามที่ลาดเชิงเขา ที่ราบซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและที่ชุมชน และที่ราบชายฝั่ง แต่จากการพัฒนาการท่องเที่ยวของเกาะสมุย มีการใช้พื้นที่ดินไปเพื่อกิจกรรมการบริการ ที่พัก ตลอดจนกิจกรรมการพักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว จึงส่งผลกระทบต่อการใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมของเกาะสมุย รวมถึงการเปิดหน้าดินลุกล้ำพื้นที่ลาดเชิงเขา เพื่อพัฒนาลายของดินและเกิดความไม่สวยงามของสภาพธรรมชาติ
              ทรัพยากรน้ำ
             
ทรัพยาการน้ำ แบ่งเป็นน้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน น้ำผิวดินหรือน้ำท่า เป็นแหล่งน้ำสำคัญที่ประชาชนที่อาศัยอยู่บนเกาะสมุยใช้ เพื่อการอุปโภคและบริโภคโดยมีคลองที่สำคัญ คือคลองลิปะใหญ่ คลองหลังไผ่ คลองลิปะน้อย คลองสระเกศ คลองลาดวานร คลองละไม คลองน้ำจืด คลองท่าเร็ต คลองท่าสียา คลองท่าจีน เป็นต้น โดยมีรายละเอียดคือคลองลิปะใหญ่ ใช้ประโยชน์ในการผลิตน้ำประปาเพื่อใช้ในตัวอำเภอ ตลอดจนกิจการของกองทัพเรือและยังเป็นต้นกำเนิด “น้ำตกหินลาด” สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเกาะ คลองลิปะน้อย ในตอนเหนือคลองมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่เรียกกันว่า “วังไม้แดง” และมีการสร้างฝายน้ำล้นเพื่อให้ชาวบ้านตำบลลิปะน้อยใช้ประโยชน์ในการเกษตร  คลองสระเกศ เป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับเกษตรกรบ้านตลิ่งงามโดยมีต้นน้ำจากภูเขาใหญ่ คลองละไมหรือคลองท่าศก มีต้นน้ำสองสายคือคลองท่าศก และคลองวังกลั้ง ไหลมารวมกันในบริเวณที่เรียกว่า “พังลุงนก” นอกจากคลองท่าศกแล้ว ชาวบ้านตำบลมะเร็ตยังได้ประโยชน์จากคลองมะเร็ตอีกแห่งหนึ่ง คลองท่าสียา ในอดีตเรียกว่า “คลองศรีไชยา” เป็นคลองขนาดใหญ่มีต้นกำเนิดจากภูเขาใหญ่กลางเกาะไหลผ่านเทือกเขาสูงลงสู่ที่ราบของตำบลหน้าเมืองผ่านหน้าผาสูง ทำให้เกิด  “น้ำตกหน้าเมือง”  ที่สวยงามและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเกาะสมุย  ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของคลองสายนี้ จึงมีการสร้างฝายน้ำล้นถึง ๖ แห่ง เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตของชาวหน้าเมือง  คลองท่าจีน มีต้นกำเนิดจากภูเขาด้านทิศใต้ของตำบลแม่น้ำ มีฝายน้ำล้น ๒ แห่ง หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวตำบลแม่น้ำทางด้านเหนือของเกาะ นอกจากนี้ยังมีแหล่งน้ำที่เป็นหนองน้ำ (พรุ) อีก ๒ แห่ง คือ หนองน้ำตำบลหน้าเมือง  (พรุหน้าเมือง) และหนองน้ำตำบลบ่อผุด (พรุเฉวง) ซึ่งปัจจุบันแหล่งเก็บน้ำสำคัญของชุมชนเฉวง
           อย่างไรก็ตามในระยะที่ผ่านมาพื้นที่เกาะสมุยได้มีการพัฒนาแหล่งน้ำทั้งเพื่อการอุปโภคและเพื่อการเกษตรบางส่วนกระจายอยู่บริเวณรอบเกาะ ได้แก่ฝายคลองน้ำจืด เขื่อนท่าสัก ฝายวังเสาธง ฝายน้ำตกหน้าเมือง ฝายวังหินลาด ฝายคลองแม่น้ำ ฝายคลองพังเพและฝายคลองละไม เป็นต้น  แต่สภาพเหมืองฝายที่มีอยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กและกระจายตัวไม่ทั่วถึง  โดยเฉพาะการขยายตัวของการพัฒนาการท่องเที่ยวของเกาะสมุยที่ค่อนข้างรวดเร็วยิ่งทำให้น้ำที่มีอยู่ไม่เพียงพอ  โดยเฉพาะฤดูแล้ง ปัจจุบันมีเจ้าของธุรกิจบางรายขุดน้ำบาดาลเพื่อใช้บรรเทาปัญหาในหน้าแล้ง และคาดว่าจะส่งต่อเกษตรกรรมในระยะยาว  โดยเฉพาะพืชสวนซึ่งมีระดับน้ำคลองธรรมชาติระดับลง ทำให้ทุกพื้นที่มีแนวโน้มขาดแคลนน้ำในอนาคต
            ทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า และการท่องเที่ยว
            ป่าไม้
            เกาะสมุยนับว่าเป็นบริเวณที่มีความสำคัญทางด้านสัตววิทยาบริเวณหนึ่งของประเทศ เนื่องจากการที่มีสภาพป่าดงดิบชื้นปกคลุมพื้นที่ โดยเฉพาะภูเขาใหญ่และเขาขวางมีป่าไม้หนาแน่น  แต่ปัจจุบันพื้นที่ป่าถูกเปลี่ยนแปลงไปเป็นสวนมะพร้าวและสวนผลไม้เป็นสวนใหญ่ ทำให้สภาพป่าดั้งเดิมเหลืออยู่น้อยมาก โดยคงหลงเหลืออยู่ตามภูเขาสูง หน้าผาที่ลาดชันมาก ๆ และบริเวณน้ำตก ๒ แห่ง คือน้ำตกหินลาด ตั้งอยู่ห่างจากตลาดหน้าทอนประมาณ ๓ กิโลเมตร และน้ำตกหน้าเมือง ตั้งอยู่ห่างจากตลาดหน้าทอน ประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ซึ่งทั้งสองแห่งไม่มีสภาพเป็นน้ำตกอย่างแท้จริงแต่เป็นทางน้ำไหลมาจากเขาพลูผ่านหน้าผาสูงประมาณ ๒๐ เมตร ไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่างของเกาะ กรมป่าไม้ได้จัดให้เป็นวนอุทยานน้ำตกหน้าเมือง  (ผาหลวง)  มีเนื้อที่ประมาณ ๑๐ ไร่  นอกจากนี้ได้กำหนดให้น้ำตกหินลาดในท้องที่ตำบลอ่างทอง ตำบลแม่น้ำ  และตำบลลิปะน้อย  มีเนื้อที่  ๖,๙๔๓ ไร่ ให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๗
         สัตว์ป่า
         
  ส่วนสัตว์ที่พบบนเกาะสมุยทั้งบนบกและในทะเลนั้น  มีจำนวนและชนิดลดลงไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ  ของมนุษย์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแผ้วถางป่าธรรมชาติ  การใช้ที่ดินทำการเพาะปลูก และการพัฒนาบริการทางการท่องเที่ยว  เมื่อมีกิจกรรมต่าง ๆ  และนักท่องเที่ยวเข้าออกไปมาจะมีผลโดยตรงต่อสัตว์  เช่น  การส่งเสียงดังรบกวนทำให้สัตว์หนีไป  การทำลายแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์โดยไม่รู้ตัว  ซึ่งจะทำให้จำนวนสัตว์ลดปริมาณลงและสูญพันธุ์ไปจากพื้นที่ในที่สุด
        ทรัพยากรท่องเที่ยว
       เกาะสมุยมีทรัพยากรท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการพัฒนา ซึ่งสามารถแบ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวประเภทธรรมชาติ ได้แก่ หาดทราย น้ำตกและแนวปะการัง ประเภทประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม ประเภทศิลปวัฒนธรรมและกิจกรรมท้องถิ่น โดยสิ่งดึงดูดใจนักท่องเที่ยวที่สำคัญของเกาะสมุย คือเป็นสถานที่ตากอากาศในภูมิภาคเขตร้อนที่มีแสงแดด ทะเล หาดทราย ปะการังที่สวยงามและมีความเงียบสงบ ความบริสุทธิ์ของธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ รวมถึงอัธยาศัยไมตรีของชาวพื้นเมืองในท้องถิ่นเป็นองค์ประกอบเสริมให้ทรัพยากรหลักมีค่ามากยิ่งขึ้น  แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอเกาะสมุย ตำบลอ่างทอง หาดหน้าทอน น้ำตกหินลาด น้ำตกซองเรือ ตำบลลิปะน้อย    หาดลิปะน้อย   หาดท้องยาง   น้ำตกลาดวานร ตำบลตลิ่งงาม    อ่าวพังกา   อ่าวท้องกรูด   เจดีย์แหลมสอ   ฟาร์มงูพังกา ตำบลหน้าเมือง     น้ำตกวังเสาธง   น้ำตกหน้าเมือง ๑ น้ำตกหน้าเมือง ๒ วัดประเดิม วัดคุณารามพระพุทธบาทเขาเล่ ตำบลมะเร็ต  หาดละไม หาดท้องตะเคียน หินตาหินยาย อ่าวแหลมเส็ต สวนผีเสื้อสมุย สมุยอะควาเรี่ยม วัดราชธรรมาราม (วัดศิลางู) หอวัฒนธรรมบ้านละไม วัดสำเร็จ สำนักปฏิบัติธรรมทีปภาวันธรรมสถาน ตำบลบ่อผุด จุดชมวิวลาดเกาะ หาดเฉวง หาดบ่อผุด หาดเชิงมน หาดบางรักษ์ พระใหญ่เกาะฟาน ศูนย์ลิงสมุย ตำบลแม่น้ำ หาดบางปอ หาดแม่น้ำ หาดบ้านใต้ น้ำตกธารเรือ วัดหน้าพระลาน  


น้ำตกหน้าเมือง
ภาพจาก : 
https://link.psu.th/1zrNeW


หินตาหินยาย
ภาพจาก : 
https://link.psu.th/1zrNeW


        คนสมุยที่อยู่บนเกาะนี้ดั้งเดิมมาจากไหน
         
จากข้อมูลในหนังสือสมุยที่รัก ของอาจารย์กวี รังสิวรารักษ์ (ข้อมูลจาก https://www.facebook.com/groups/samuihistory/posts/1005934666236151) ที่กล่าวถึงที่มาของชาวเกาะสมุยว่า เมื่อสมัยอยุธยาตอนปลายเมื่อราวสี่ร้อยปีก่อนมาแล้วว่าคนสมุยน่าจะมาจากคนที่ย้ายถิ่นมาเก็บรังนกบนเกาะแล้ว ก็อาศัยอยู่บนเกาะมาตราบเท่าทุกวันนี้ โดยจากคำให้การของชาวกรุงเก่าที่กล่าวถึงส่วยและอากร มีความตอนหนึ่งว่า.. สิ่งของต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้ในราชการอันมีอยู่ตามหัวเมืองขึ้นกรุงศรีอยุธยา ต้องส่งเข้ามาเป็นส่วยอากร ถวายพระเจ้ากรุงศรีอยุธยา มีรายชื่อเมืองและชื่อของส่วยเช่น เขาสมุทร ซึ่งหมายถึงหมู่เกาะภาคใต้ฝั่งตะวันออกแถบจังหวัดสุราษฎร์ธานีและชุมพร จากคำบอกเล่าของชาวไทยที่ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่พม่าเมื่อครั้งที่ ๒ แสดงว่า การเก็บรังนกส่งเป็นส่วยให้เมืองหลวง ตามหมู่เกาะอ่างทอง เกาะสมุย เกาะพงัน คงมีการดำเนินการมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย สอดคล้องกับคำบอกเล่าของชาวเกาะพงัน เกาะสมุย และคำกลอนในประวัติวัดอัมพวัน ที่พูดถึงการแอบขโมยรังนกและการรับสัมปทานเกาะรังนกในละแวกเกาะพงัน เกาะสมุย 


ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อ/สถานที่/เรื่อง
เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ที่อยู่
จังหวัด
สุราษฎร์ธานี
ละติจูด
1060400
ลองจิจูด
617000



วีดิทัศน์

บรรณานุกรม

เกาะสมุย. (2557). สืบค้น 5 กันยายน 2568, จาก https://link.psu.th/FHv4xk
ประวัติความเป็นมาของเกาะสมุย (2562). สืบค้น 5 กันยายน 2568, จาก https://link.psu.th/kH32Mk


รูปภาพ
 
      Font Size  
Back to Top
Khunying Long Athakravisunthorn Learning Resources Center
Prince of Songkhla University ©2018-2025