25th April 2024

         สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ เสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปีการศึกษา 2560 วันแรกทรงขอให้บัณฑิตขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมให้ก้าวหน้าอยู่เสมอเพื่อจะได้นำมาใช้เป็นปัจจัยในการปฏิบัติงาน
             เมื่อวันศุกร์ที่ 21 กันยายน 2561 เวลา 16.20 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ประจำปีการศึกษา 2560  ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี เป็นวันแรก
             ศาสตราจารย์ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา นายกสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กราบทูลรายงานกิจการมหาวิทยาลัย ซึ่งในรอบปีการศึกษา 2560 เป็นปีที่มหาวิทยาลัยได้ปฏิบัติภารกิจรับใช้สังคมและประเทศชาติมาเป็นปีที่ 50  ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อนวัตกรรมและสังคม ที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการโดยมีการวิจัยเป็นฐานเพื่อการพัฒนาประเทศและเชื่อมโยงสู่สากล มีการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต่างๆ รวม 349 หลักสูตร โดยในปีการศึกษา 2560 มีผู้สำเร็จการศึกษาและมีสิทธิเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จำนวน 9,277 คน
              ในโอกาสนี้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาเภสัชศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และเข้าเฝ้าทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาศิลปกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี
              จากนั้นได้พระราชทานปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก่ศาสตราจารย์พิเศษประสพสุข บุญเดช และพระราชทานโล่เกียรติยศแก่อาจารย์วาสนา บุญแสวง อาจารย์ตัวอย่างด้านการเรียนการสอน
ในวันแรกมีผู้สำเร็จการศึกษาเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จำนวน 3,031 คน จากบัณฑิตวิทยาลัย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการจัดการ คณะทันตแพทยศาสตร์ วิทยาลัยคอมพิวเตอร์ คณะการบริการการท่องเที่ยว คณะการแพทย์แผนไทย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม คณะวิเทศศึกษา คณะศิลปศาสตร์และวิทยาการจัดการ คณะนิติศาสตร์ และคณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
              หลังจากนั้นได้มีพระโอวาทแก่บัณฑิตความว่า บัณฑิตทั้งหลายเป็นทรัพยากรบุคคลที่ทรงคุณค่า เพราะจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างสรรค์ความเจริญมั่นคงของชาติบ้านเมือง ซึ่งนับเป็นงานที่หนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีปัญหาเกิดมากและซับซ้อนส่งผลกระทบกับทั้งต่อบุคคลและส่วนรวม  จึงต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้ประสบความสำเร็จ ด้วยความขยันซื่อสัตย์และขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ เพื่อจะได้นำมาใช้เป็นปัจจัยในการปฏิบัติงานและการแก้ไขปัญหาต่างๆ และสร้างสรรค์ความเจริญให้แก่ตนและส่วนรวม


 

 


ช่วยแชร์ด้วยนะครับ