สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 2ตุลาคม 2560
เวลา 16.33 นาฬิกา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ไปในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ประจำปีการศึกษา 2559 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
ในโอกาสนี้ นายกสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กราบทูลรายงานกิจการของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีจำนวนผู้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาเขตหาดใหญ่ ปัตตานี สุราษฎร์ธานี ตรัง และภูเก็ต ระดับปริญญาตรี 7,642 คน ปริญญาโท 852 คน ปริญญาเอก 138 คน
โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ปฎิบัติภารกิจในการเป็นที่พึ่งแก่ชุมชนเข้าสู่ปีที่ 50 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยเพื่อนวัตกรรมและสังคม และมุ่งสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำ 1 ใน 5 ของอาเซียน ด้านการวิจัย เน้นการนำผลงานวิจัยมาเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน เช่น การพัฒนาและสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยางพาราไทย และเสนอแผนพัฒนายางพาราของประเทศไทย ด้านบริการวิชาการได้ขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้วยพลังของนักศึกษา โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ให้การบริการรักษาโรคซับซ้อน ให้บริการผู้ป่วยนอก 850,000 ราย ต่อปี และโรงพยาบาลทันตกรรมมีความเชี่ยวชาญการให้บริการรักษาโรคในช่องปากแก่ประชาชนภาคใต้
อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กราบทูลราชสดุดีพระเกียรติคุณในโอกาสที่สภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาเทคโนโลยีการจัดการสิ่งแวดล้อม แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเบิกผู้เข้ารับพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์ คือ
– Professor Dr. Norbert Vennemann (ศาสตราจารย์ ดร. นอร์เบิร์ด เฟนเนอมันน์) เข้ารับพระราชทานปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาเทคโนโลยียาง
– นายประวิทย์ แก้วทอง เข้ารับพระราชทานปริญญาการแพทย์แผนไทยมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์
เบิกผู้เข้ารับพระราชทานโล่เกียรติยศ อาจารย์ตัวอย่าง 1 ราย ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปาริชาติ มณีมัย อาจารย์ตัวอย่างด้านการเรียนการสอน
และผู้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจาก คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม คณะพยาบาลศาสตร์ อุตสาหกรรม คณะการแพทย์แผนไทย คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาการจัดการ คณะการบริการและการท่องเที่ยว คณะวิเทศศึกษา คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม คณะเภสัชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการจัดการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จำนวน 2,169 คน ตามลำดับ
โอกาสนี้ได้พระราชทานพระโอวาท ความว่า “บัณฑิตทั้งหลายเป็นผู้มีความรู้สูง ย่อมมุ่งหวังที่จะออกไปประกอบอาชีพการงานให้ประสบความสำเร็จ แต่การจะสร้างสรรค์ความสำเร็จในงานได้ยั่งยืนแท้จริงเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับการประพฤติตนปฏิบัติงานของแต่ละคนเป็นสำคัญ กล่าวคือ หากบัณฑิตรู้จักขวนขวายศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม และปฏิบัติงานด้วยความขยันหมั่นเพียร ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยมุ่งประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนแล้ว สังคมส่วนรวมก็จะมีความ เจริญมั่นคง ส่งผลให้บัณฑิตผู้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมพลอยได้รับความเจริญมั่นคงด้วย ดังนั้น ไม่ว่าบัณฑิตจะออกไปประกอบกิจการงานใดก็ตาม ขอให้ยึดมั่นในพระราชปฏิธานของสมเด็จพระบรมราชชนกที่ว่า “ขอให้ถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง” ถ้าทำได้ดังนี้ ทุกคนก็จะสามารถสร้างสรรค์ประโยชน์ทั้งโดยส่วนตนและโดยส่วนรวมได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ อันเป็นความสำเร็จแท้และยั่งยืนที่ทุกคนพึงปรารถนา
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขออวยพรให้บัณฑิตทุกคนประสบความสุขและความสำเร็จสมหวังในชีวิต ทั้งขอให้ทุกท่านที่มาร่วมในพิธีนี้ มีความผาสุกสวัสดีโดยทั่วกัน