Page 128 - ธาดา ยิบอินซอย
P. 128
อีก 7 ปีสุดท้�ย ย้�ยไป New York และส่วนหนึ่งของง�นคือ ก�รฝึก cardiology
fellows คร�วนี้ผสมผส�น clinical และ basic science ท�ง cardiology โดยใช้วิธีบังคับ
แพทย์ต่อยอดจะถูกสั่งให้ศึกษ�วิช� basic science (เช่น muscle mechanics) โดยเลือก
ว�รส�รที่สำ�คัญให้เข�อ่�นแล้ว “ติว” เข�จนเข้�ใจ เพื่อเอ�เรื่องนี้ไปเล่�ให้กลุ่ม fellows,
กลุ่มนั้นจะ “ผ่�น” หัวข้อนี้ต่อเมื่อกลุ่ม (ไม่ใช่ผู้ present) ส�ม�รถตอบคำ�ถ�มที่พวก
อ�จ�รย์ตั้ง สรุป เริ่มเข้�ใจว่�ฐ�นของคว�มคิด/คว�มเข้�ใจนั้นสำ�คัญม�กกว่� content.
จ �กนั้นม�สมัครง�นที่สงขล� โดยคิดจะม�ตั้ง cardiology unit. เมื่อต้องม�สอน
ี่
ั้
ั
นักศึกษ�แพทย์อย�งเป็นประจ� (เตือน : ก�รสอนทสหรฐนนส่วนม�กจะให้กับ post-grad.
่
ำ
มีนักศึกษ�น้อยคน และนอกจ�กสรีรแล้วไม่เคยต้องสอนหรือ round ทั้งชั้น) และเมื่อม�
่
่
ี่
ั้
สังเกตว�มี content ม�ก จึงรู้ว่�ก�รสอนในรูปแบบทตัวเองทำ�นนอ�จเป็นโทษม�กกว�เป็น
ประโยชน์ เพร�ะยัง content และ teacher หรือ patient centered ม�กเกินไป นอกจ�กนั้น
สังเกตว่�ตัวเองค�ดอุดมคติของนักศึกษ� (ส่วนใหญ่) ของเร�ในทิศท�งที่ผิด ค�ดว่�เข�
รักคว�มเป็นหมอไม่รู้ว�เข�ต้องก�ร “สอบผ�น” เพื่อไปห�กิน นักศึกษ�จะไม่ถ�มเพื่อรู้
่
่
หรือเข้�ใจลึก จะถ�มก�รรักษ� ก�รจำ�แนกโรคเพื่อเอ�ไปสอบ
ตัวเองพย�ย�มคลี่คล�ยคว�มสับสนในด้�น : รูปแบบของก�รเรียนก�รสอน, ทำ�ไม
นักศึกษ�แพทย์จึงไม่อย�กรู้ มีจุดสำ�คัญของคว�มอย�กรู้หรือไม่, ถ้�ไม่ถูกฝึกให้อย�กรู้จะ
ม�เรียนเองหรือม� student centered ได้อย่�งไร, ทำ�ไมเข�ไม่เหมือนเร�ในก�รสนุกกับ
ั
ึ
้
ี
ู
ื่
่
่
ี
้
ก�รเรียน สุดท�ยแล้วจงตองยอมรบว� ไมควรมวิธเรียนในรปแบบอนนอกจ�กรู้พื้นฐ�น แล้ว
จึงค่อย ๆ สะสมคว�มรู้หรือ content ตลอดชีวิต เพร�ะ content ขย�ยรวดเร็วเกินคว�ม
ส�ม�รถในก�รท่องจำ� แล้วก็ปลงว่�เร�พูดว่�จะสอนวิธีนี้ แต่แล้วทดสอบคว�มส�ม�รถของ
นักศึกษ�ในแง่ท่องจำ� โดยถ�ม multiple choice หรือให้คิด 1-2 น�ทีเพื่อตอบ โดยที่
คว�มเป็นจริงแล้ว เร�ต้องก�รให้เข�ตรึกตรองสรรห�ข้อมูล (จ�กประวัติและก�รตรวจ)
อย่�งรอบคอบก่อนตัดสิน ในเมื่อตัวเองตรึกตรองม�กขึ้น ซักถ�มตัวเองม�กขึ้น ต้องช่วย
ผู้อื่นคิดและช่วยตอบคำ�ถ�ม ไป ๆ ม� ๆ เลยถูกยกย่องเป็นผู้รู้
ี่
วันนถ�มตวเองว� แล้วก�รเข�ใจก�รเรียนก�รสอนจนเปลยนวธีให้คว�มรนนประสบ
ี้
่
ั
ั้
ู้
ิ
้
คว�มสำ�เร็จม�กไหม คำ�ตอบคือ “ไม่เลย” ศิษย์เร�ยังเช่นเดิม เรียนเพื่อสอบ เพื่อออกไป
“แพรก-ติส” ลืมเสียเถิดในเรื่อง life-long learning รู้เฉพ�ะหน้�ก็พอแล้ว สั่งย�เป็นก็
พอแล้ว โดยที่ไม่รู้ว่�ผู้ป่วยได้ประโยชน์จ�กก�รรักษ�ที่เร�ให้น้อยกว่�ร้อยละ 20 ส่วนม�ก
แล้วโรคห�ยเอง (self-limited) ถ้�ไม่ห�ยเองพลเมืองเร�คงลดอย่�งรวดเร็ว
้
ในเมื่อไม่ประสบคว�มสำ�เร็จ ก็ต้องถ�มว่�พล�ดตรงไหน คงไม่พล�ดในด�นหลัก
ก�รที่ : สอนให้คิดเป็น ให้รู้แหล่งข้อมูล ให้มีพื้นฐ�นที่แข็งในด�นวิทย�ศ�สตร์และก�ร
้
สื่อส�ร ให้สนุกกับง�นและก�รเรียนโดยลดก�รยัดเยียด ‘content’ ในเมื่อไม่พล�ดในหลัก
127
ศาสตราจารย์นายแพทย์ธาดา ยิบอินซอย

