Page 17 - 2019-6
P. 17
2.2 โหม่ง คือ ฆ้องคู่ ท�าด้วยโลหะ ใบเล็ก 1 ใบ ใบใหญ่
โหม่ง 1 ใบ ประกอบอยู่ในกล่องไม้ให้เกิดเสียงก้อง เวลาบรรเลงมีไม้ตี
หุ้มยาง หรือผ้า ไม่ให้เสียงแตกและมีไม้เนื้อแข็งสี่เหลี่ยม 1 อัน
เอาไว้สัมผัสกับหน้าโหม่งให้หยุดเสียง ใช้บรรเลงประกอบการ
เล่นหนังตะลุง โนรา และลิเกป่า แต่เดิมใช้ไม้ท�าโหม่ง เรียกว่า
กดเพื่อฟังเสียงโหม่ง โหม่งฟาก ต่อมาได้วิวัฒนาการมาเป็นการหล่อด้วยเหล็ก และ
ทองเหลือง ตามล�าดับ เรียกว่า โหม่งเหล็กและโหม่งหล่อ
2.3 กลอง มี 2 ลักษณะ คือ หุ้มหรือขึงด้วยหนังสัตว์
หน้าเดียวและสองหน้า ได้แก่
- โทน หรือกลองทัด (คล้ายกลองเพลของภาคกลาง) ปกติจะ
ใช้ตีบอกเวลา และใช้ตีในเทศกาลออกพรรษา ใช้ประโคมเรือพระ
โทน (ชักพระ) และใช้ตีแข่งขันกันด้วย ที่เรียกว่า แข่งโพน หรือชัน
โพน (ประชัน)
- กลองตุ๊ก ลักษณะเหมือนกลองโนรา แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก
ขึงด้วยหนังสองหน้า ใช้บรรเลงประกอบการแสดงหนังตะลุง
- กลองโนรา จัดว่าเหมือนกลองตุ๊ก แต่ใหญ่กว่ามาก ขึงด้วย
หนังสองหน้า ใช้บรรเลงประกอบการแสดงโนรา
กลองแขก
กลองโนรา
- กลองโทน หรือกลองแขก เป็นกลองที่ขึงด้วยหนังสัตว์สองหน้า หัวท้ายไม่เท่ากัน ขนาดยาว 60-70
เซนติเมตร ตีด้วยแขนงไผ่หรือหวาย ตีได้ทั้งสองหน้า ใช้บรรเลงประกอบการเล่นกาหลอ ประกอบการแสดง
ซีละ และมะโย่ง
- ปืด เป็นกลองสองหน้า ลักษณะคล้ายตะโพนของภาคกลาง และมีขาตั้งเป็นไม้แบบตะโพนไทย ใช้ตีเวลา
ประโคมเรือพระเทศกาลพรรษา ใช้ตีแข่งขันที่เรียกว่า แข่งปืดหรือชันปืด
- ร�ามะนา ขึงหน้ากลองด้วยหนังหน้าเดียว ตัวกลองสั้น หน้ากลองกว้างมาก ขนาด 45-50 เซนติเมตร
ตัวกลองหนาราว 14-70 เซนติเมตร ใช้ประกอบการเล่นลิเกป่า ลิเกฮูลู มะโย่ง และรองเง็ง
- บานอ ลักษณะคล้ายร�ามะนา แต่มีขนาดหน้าตัดใหญ่กว่ามาก ขึงด้วยหนังสัตว์หน้าเดียว หน้ากลองนิยม
เขียนลวดลายด้วยสีสันสวยงาม ใช้ตีพร้อม ๆ กันหลาย ๆ ลูก และใช้แข่งขันกัน
17 | L I B R A R Y 2 U