Page 16 - 2019-6
P. 16
ชนในภาคใต้ มีหลายเผ่าพันธุ์และหลายกลุ่ม นับแต่อดีตมีการติดต่อค้าขาย เชื่อมสัมพันธ์กับอินเดีย
จีน ชวา-มลายู หรือแม้แต่คนไทยในภาคกลาง เดิมดนตรีพื้นบ้านมีความเรียบง่าย มักประดิษฐ์จากวัสดุสิ่งของ
ใกล้ตัว ดนตรีพื้นบ้านน่าจะมาจากเผ่าพันธุ์เงาะซาไก ที่ใช้ไม้ไผ่ล�าขนาดต่าง ๆ มาตัดเป็นท่อน สั้นบ้างยาวบ้าง
ตัดปากของกระบอกไม้ไผ่ ตรงหรือเฉียง หรือน�ามาหุ้มด้วยใบไม้ กาบของต้นพืช ใช้บรรเลงด้วยการตี ประกอบ
การขับร้องและเต้นร�า และค่อย ๆ พัฒนามาเป็นแตร กรับ เมื่อมีการติดต่อกับอินเดีย จีน จึงมีการถ่ายโยง
วัฒนธรรม สังเกตได้อย่างชัดเจนจาก ทับ (กลอง) ที่ใช้ประกอบการเล่นโนรา อีกชนิดที่ได้รับอิทธิพลจาก
ชวา-มลายู คือ ร�ามะนา (กลองหน้าเดียว)
จนมาสมัยกรุงธนบุรี มีความสัมพันธ์กับภาคกลาง จึงมีการน�าละครถ่ายทอดสู่กัน
จนเกิดเป็นปี่นอก ซออู้ และซอด้วงดนตรีพื้นบ้านภาคใต้ ใช้ในวัตถุประสงค์ดังนี้
- บรรเลงเพื่อความรื่นเริง การละเล่นและการแสดง
- บรรเลงประกอบพิธีกรรม เพื่อบวงสรวงตามความเชื่อ
- บรรเลงเพื่อการสื่อสาร บอกข่าว
- บรรเลงเพื่อเสริมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ กลองแขก
เช่น การบรรเลงกรือโต๊ะ หรือบานอ
เครื่องดนตรี ทับ
กดเพื่อฟังเสียงทับ
เครื่องดนตรีพื้นบ้านภาคใต้ แบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. ประเภทดีด มักพบในพวกเงาะซาไก ที่ใช้ไม้ไผ่ 1 ปล้องมากรีดเอาผิวของไม้ไผ่ให้เป็นริ้ว ๆ
ท�าหมอนรองริ้วผิวไม้ไผ่หลาย ๆ ริ้ว แล้วใช้นิ้วดีด
2. ประเภทตี มีดังนี้
2.1 ทับ เป็นกลอง ท�าด้วยไม้เนื้อแข็งเอวคอดปากบาน ท้ายเรียวบานออกเล็กน้อย ขึงด้วย
หนังสัตว์หน้าเดียว ขึงหนังด้วยหวายรัดดึงให้ตึง มีหลายขนาด ตั้งแต่เส้นผ่าศูนย์กลาง ด้านหน้า 5 นิ้ว
ใช้บรรเลงประกอบการแสดงหนังตะลุง เรียกว่า ทับหนัง ขนาด 8 นิ้ว ใช้บรรเลงประกอบการเล่นโนรา เรียกว่า
ทับโนรา และขนาด 12 นิ้ว ใช้บรรเลงในการเล่นโต๊ะครึม เรียกว่า ทับโต๊ะครึม
16 | L I B R A R Y 2 U